เพชรบุรี - รอง ผบ.ตร.เปิดศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ของตำรวจภูธรจังหวัดภาค 7 ที่เพชรบุรี ตามโครงการระยะที่ 6
วันนี้ (10 เม.ย.) ที่ตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี อ.เมือง จ.เพชรบุรี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการดำเนินงานศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ของตำรวจภูธรจังหวัดต่างๆ รวม 27 แห่ง ตามโครงการระยะที่ 6 โดยมี นายมณเฑียร ทองนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี พล.ต.ต.พีรชาติ รื่นเริง พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 เข้าร่วมพิธีเปิด
ทั้งนี้ ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 1 เม.ย.2546 เห็นชอบให้ส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ให้บริการประชาชน กำหนดแนวทางพัฒนาจัดตั้งศูนย์บริการประชาชน (Call Center) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้กำหนดแนวทางการพัฒนาศูนย์บริการประชาชนที่สามารถดำเนินการได้อย่างเร่งด่วน
โดยการปรับปรุงพัฒนาระบบสารสนเทศ และการสื่อสารโทรศัพท์สายด่วน 191 ซึ่งหน่วยงานตำรวจส่วนใหญ่มีการใช้งาน และเป็นที่จดจำของประชาชนทั่วไปอยู่แล้ว ให้เป็นศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินที่สามารถควบคุม และสั่งการปฏิบัติที่มีเอกภาพ เรียกว่าศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ของตำรวจภูธรจังหวัดในแต่ละจังหวัดเพียงแห่งเดียว
โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบให้สำนักงานเทคโนโลยีสารสารสนเทศและการสื่อสารโดยกองตำรวจสื่อสารจัดทำ “โครงการศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ตำรวจภูธรจังหวัด” ขึ้น โดยการปรับปรุงศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 มีเป้าหมายให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุฉุกเฉินทางโทรศัพท์สายด่วน หมายเลข 191 เพียงหมายเลขเดียวในจังหวัดนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถเข้าไปช่วยเหลือ หรือระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที เพราะเวลาเพียงเสี้ยววินาทีอาจหมายถึงชีวิตและทรัพย์สินที่สูญเสียไป ประชาชนจะไม่สับสนในการใช้หมายเลขโทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉินอีกต่อไป
ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแบบใหม่นี้ได้นำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย (Data Processing) เช่นเดียวกับศูนย์ Call Center ของภาคเอกชนมาใช้ โดยระบบจะจัดการเสียง และข้อมูลแจ้งเหตุในรูปแบบดิจิตอล ส่งผ่านไปยังสถานีตำรวจที่เกิดเหตุทำให้ลดข้อผิดพลาดที่มีสาเหตุจากบุคคล และอุปกรณ์ในการจดบันทึกเหตุ และการประสานงานที่ไม่ชำนาญของเจ้าหน้าที่สามารถสืบค้น รวบรวมข้อมูล ทั้งฐานข้อมูลบุคคล แผนผังสถานที่ในจังหวัดเอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง
และที่สำคัญประชาชนสามารถตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา ด้วยการพัฒนาศูนย์แจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 แบบใหม่นี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทราบ และโทรศัพท์เข้ามาแจ้งเหตุด่วน เบาะแส การกระทำผิดกฎหมายต่างๆ ซึ่งเป็นช่องทางที่สะดวก และสำคัญอันจะส่งผลให้การปกป้องชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด