ประจวบคีรีขันธ์ - ชายวัย 30-35 ปี ใช้กระดาษแข็งม้วนใส่ในซองปืนสั้นทำให้เหมือนปืนจริง บุกเดี่ยวจี้ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสามร้อยยอด แต่ไม่รอดถูก รปภ.และเจ้าหน้าที่ธนาคารรวบตัวส่งตำรวจสอบสวนให้การวกวนเหมือนคนประสาทหลอน อ้างจะนำเงินไปรักษาแม่ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง
วันนี้ (8 เม.ย.) พ.ต.ท.อุดม ใจนุ่ม พนักงานสอบสวน สภ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งเหตุมีคนบุกจี้ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสามร้อยยอด ตั้งอยู่บริเวณริมถนนเพชรเกษม ฝั่งขาขึ้นกรุงเทพฯ หน้าตลาดสด ต.ไร่ใหม่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้ก่อเหตุถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคาร และพนักงานช่วยกันควบคุมตัวไว้ได้ จึงไปที่เกิดเหตุพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุพบชายอายุประมาณ 30-35 ปี สวมเสื้อยืดคอเชิ้ตสีขาว ใส่กางเกงขาสั้นสีขาวลายดอกถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และพนักงานควบคุมตัวไว้ได้ พร้อมถุงเอกสารสีน้ำตาล มีข้อความเขียนไว้ว่า “หยิบเงิน 1 ล้านด่วน” ภายในซองกระดาษดังกล่าวพบซองปืนสั้นสีดำ และกระดาษแข็งม้วนใส่ไว้ในซองปืนเพื่อทำให้เหมือนเป็นปืนจริง ทราบชื่อภายหลังว่า นายสุรัตน์ รื่นรวย บ้านอยู่แถวสะพานบ้านหนองแก ต.ไร่ใหม่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์
นายสุธีร์ สวนดอกไม้ ลูกค้าของธนาคารเล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนสังเกตเห็นผู้ต้องหาเดินเข้ามาในธนาคารทำทีจะเข้ามาติดต่อทำธุรกรรมกับธนาคาร โดยเข้ามานั่งที่เก้าอี้บริเวณด้านหน้าเคาน์เตอร์ ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้น นายสุรัตน์ ก็เดินไปที่หน้าเค้าท์เตอร์ซึ่งขณะนั้นมีลูกค้านั่งติดต่อกับเจ้าหน้าที่ธนาคารอยู่ แล้วได้ใช้ซองเอกสารดังกล่าวจี้ไปที่เอวของลูกค้าผู้หญิง พร้อมบอกให้ลุกขึ้นเดินไปที่หลังเคาน์เตอร์ และให้อ่านข้อความที่ซองเอกสาร
ตนสังเกตเห็นความผิดปกติจึงได้เดินไปบอกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำธนาคารว่าน่าจะมีการจี้ธนาคาร จึงได้เข้าไปช่วยกันล็อกตัวนายสุรัตน์ ไว้ได้ พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ
พ.ต.ท.อุดม ใจนุ่ม พนักงานสอบสวน สภ.สามร้อยยอด เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหา ซึ่งมีอาการเหมือนคนประสาทหลอนพูดจาวกวนไปมาว่า ตนต้องการนำเงินไปรักษาแม่ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งจากการตรวจสอบประวัตินายสุรัตน์ พบว่า เคยมีคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาก่อน และการบุกเดี่ยวจี้ธนาคารครั้งนี้น่าจะมาจากผู้ต้องหามีอาการประสาทหลอน
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จะได้นำตัวผู้ต้องหารายนี้ไปตรวจหาสารเสพติดในร่างกายว่ามีหรือไม่ และจะควบคุมตัวไปที่โรงพักเพื่อให้ญาตินำประวัติผู้ต้องหามาดูว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นคนมีสติไม่สมประกอบเข้าทำการรักษาที่โรงพยาบาลหรือไม่มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นแนวทางในการสอบสวนต่อไป