พิษณุโลก - บุกพิสูจน์บ้าน “มือปืนป็อปคอร์น” พร้อมเปิดใจพ่อ-พี่ ยัน “เป็นแพะ 100%” รับเคยถูกตรวจเจอฉี่ม่วง ตร.บีบให้เป็นสายแต่ไม่กล้า ไม่เคยจับปืน ไม่เคยเป็นทหารเพราะได้ “ใบดำ” จนต้องหนีคดีออกจากบ้านกลายเป็นคนมีประวัติ บอก “แค่หน้าเหมือน” รูปร่าง-ท่าเดินต่างกันลิบ ย้ำ “พี่น้องตระกูลผมเตี้ย”
วันนี้ (28 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบบ้านของนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือท็อป ที่บ้านเลขที่ 89 หมู่ 17 บ้านห้วยขมึน ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก คนดังที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศอ.รส.และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ( DSI ) พร้อมคณะลงทุนไปจับกุมตัวถึงที่พักใน จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมเปิดแถลงข่าวใหญ่โตว่าเป็น “มือปืนป็อปคอร์น” ที่ก่อเหตุยิงปะทะกับกลุ่มต่างความคิด (โกตี๋) บริเวณแยกหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 57 ท่ามกลางความสงสัยว่าการจับกุมมือปืนป็อปคอร์นเป็นการ “จับแพะ” ไม่ต่างกับการจับ “ไอ้ปื๊ด”
ขณะที่ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผช.ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม บอกเพียงว่า จับกุมนายวิวัฒน์ได้จากการรวบรวมภาพถ่ายในที่เกิดเหตุและคลิปวิดีโอจากโลกโซเชียลมีเดีย เห็นนายวิวัฒน์ชัดเจน ตำรวจจึงได้สอบประวัติผู้ต้องหาพบว่ามีคดียาเสพติดอยู่ โดยนายวิวัฒน์เป็นการ์ดในกลุ่มองค์ดำ มีนายเม่นเป็นหัวหน้ากลุ่ม มีการฝึกอาวุธด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบบ้านพักของนายวิวัฒน์ หรือบุคคลที่ ร.ต.อ.เฉลิม และ ศอ.รส.เรียกว่า “มือปืนป็อปคอร์น” กลับพบว่าไม่เป็นไปตามที่ตำรวจตั้งข้อสมมติฐาน พบเพียงบ้านมุงด้วยสังกะสี และฝาบ้านสภาพเก่า อยู่ห่างจากถนนหลักที่เลี่ยงตัวเมืองนครไทยไปอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งต้องเข้าถนนเล็กๆ เข้าไปอีก เป็นบ้านหลังเดี่ยวๆ สภาพทรุดโทรม มีเพียงพ่อ และพี่อยู่ด้วยกัน
นายสำเรียง ยอดประสิทธิ์ พ่อของผู้ที่ถูกเรียกเป็น “มือปืนป็อปคอร์น” บอกว่า แม่ของท็อปเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ปี 48 ตนมีลูกชายทั้งหมดด้วยกัน 6 คน คือ 1. นายปิด 2. นายอรุณ 3. นายเอกรินทร์ 4. นายวิวัฒน์ 5. นายอำพล 6. นายมงคล โดยลูกคนแรกกับพี่ของนายวิวัฒน์ช่วยกันทำไร่ ส่วนลูกคนที่ 2 มีครอบครัวแล้วแยกไปอยู่ที่อื่น น้องของนายวิวัฒน์ก็ย้ายถิ่นทำกินไปอยู่จังหวัดอื่น
“ท็อปจบชั้น ป.4 โรงเรียนห้วยตีนตั่ง ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย ลูกคนนี้นิสัยดี ไม่เคยเป็นคนเกเร ไม่ด่าใคร ไม่ตีหัวใคร มีแต่ช่วยเหลือคนอื่น ยังไม่มีเมีย เคยรับจ้างทั่วไปที่พิษณุโลก สุรินทร์ และกรุงเทพฯ ฐานะยากจนเหมือนกับทางบ้าน และมีปัญหาหนี้สินอยู่”
ด้านนายเอกรินทร์ ยอดประสิทธิ์ พี่ชาย “แพะมือปืนป็อปคอร์น” เปิดเผยว่า เมื่อปี 2553-54 นายวิวัฒน์ถูกตำรวจในท้องที่จับตรวจฉี่ พบว่าเป็นสีม่วง และถูกจับกุมกลายเป็นผู้เสพ แต่ตำรวจเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์นัก จึงให้นายวิวัฒน์เป็นสายให้ แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่รู้เรื่อง หวาดกลัว จึงปฏิเสธไม่ยอมทำงานให้ และหนีคดีออกจากพื้นที่ เดินทางไปทำงานรับจ้างที่กรุงเทพฯ เมื่อสงกรานต์เมษายน 2556 นายวิวัฒน์ยังกลับมาที่บ้าน จากนั้นก็ไปกรุงเทพฯ ต่อ
นายเอกรินทร์บอกอีกว่า หลังมีปัญหา จนถึงวันนี้ยังไม่ได้คุยกันเลย ครอบครัวตน คือ ตนและพ่อ ยังไม่มีค่ารถเดินทางไปเยี่ยม มีคนข้างบ้านนำคลิปเหตุการณ์มาให้ดู มั่นใจว่าน้องตนเป็นแพะ โดยชายที่คลุมใบหน้าไม่ใช่น้องตน เพียงแต่หน้าตาคล้ายคลึงกัน ดูรูปร่างสูงใหญ่ ไม่ใช่เตี้ยอย่างพี่น้องตระกูลผม การเดินก็เดินแตกต่างกัน ที่สำคัญน้องตนยิงปืนไม่เป็น ไม่เคยเป็นทหาร ยืนยันจับได้ใบดำ
“น้องชายผมยิงปืนไม่เป็น ถ้าฝึกจะทำได้รึ! เพราะนิสัยน้องผมไม่เคยเป็นคนเกเร ไม่ใช่เป็นคนสู้คน อยากไปเยี่ยม ไปถามว่า น้องยิงคนจริงไหม! แต่ก็ไม่มีเงิน น้องผมหนีหายออกจากบ้านปี 53 เพราะมีคดีกับตำรวจ”
“ตรวจฉี่เจอ กลายเป็นบุคคลที่อยู่ในแฟ้มประวัติ หนี! เขาก็เลยขึ้นบัญชีไว้ ให้ไปรายงานตัว แต่น้องผมไม่ไป ตำรวจบังคับให้มันเป็นสายให้ แต่เขาไม่เอา ออกบ้านหนีหาย จึงมีคดีค้างเก่า สงสัยไปเทียบกับใบหน้า โดยไม่ได้ดูรูปร่างเลย มันสูงต่างกัน”
นายเอกรินทร์บอกว่า ถูกจับก็ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรม ผมกับพ่อไม่มีทีวีดู ไม่ได้ฟังข่าวสาร เห็นแต่คนเอาคลิปยูทิวบ์ให้ดูว่าเป็นมือปืนป็อปคอร์น แล้วถามว่าเป็นไง ผมก็บอกว่าไม่ใช่ท่าเดินน้องชายผม
“ความรู้สึกเวลานี้คือ น้องผมเป็นแพะ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม พ่อและพี่นายวิวัฒน์ไม่กล้าพูดมากเท่าใดนัก เพราะกลัว ต้องถามบุคคลแปลกหน้าที่เข้ามาทุกครั้ง ที่ผ่านมาก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกรุงเทพฯ และตำรวจภาค 6 เดินทางมา ก่อนที่จะมีการจับตัวนายวิวัฒน์ไปแถลงข่าว และเมื่อมีการบันทึกภาพ ทั้งพ่อ และพี่ชายนายวิวัฒน์บอกต้องมีผู้อื่นร่วมบันทึกภาพอยู่ด้วย เพราะเขาไม่ใช่ผู้ต้องหา ทำให้ภาพที่ปรากฏสื่อถูกตกแต่งด้วยการตัดบุคคลที่อยู่ข้างๆ ออกไป