นครปฐม/พระนครศรีอยุธยา - ตำรวจภาค 1 สนธิกำลังภาค 7 ปิดล้อมจับกุมคนร้าย 1 ในแก๊งฆ่าโหด 4 ศพหมกบ้านพักหรูในอยุธยา หลังแกะรอยตามพบแอบกบดานอยู่บ้านพื้นที่กำแพงแสน ขณะเข้าจับกุมชักปืนยิงสู้จนถูกวิสามัญดับคาบ้าน เผยเป็นหัวหน้าแก๊งเครือข่ายค้ายานรกตัวสำคัญ ชี้ปมฆ่า 4 ศพ มาจากหักผลประโยชน์ธุรกิจนอกกฎหมาย ชิงเงิน 5 ล้านบาท ล่าอีก 2 ราย แก๊งร่วมฆ่า 4 ศพที่กำลังหลบหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีคนร้ายฆ่าโหด 4 ศพ ภายในบ้านเลขที่ 71 หมู่ 8 ต.กบเจา อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา 4 ราย ได้แก่ นายวรวิทย์ วังมะนาวพิทักษ์ น.ส.ณัฐณิชา หรือเกศิณี กิจเกษม นายพิษณุ หาคำมา และ น.ส.ภัคคินี บังคมเนตร ซึ่งเจ้าหน้าที่พบศพเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้ (25 มี.ค.) มีรายงานข่าวแจ้งว่าหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบมาว่า คนร้ายที่ก่อเหตุซึ่งมีอย่างน้อย 2 คน ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่หมู่ 3 ต.วังน้ำเขียว อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม จึงได้วางแผนนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปปิดล้อมเพื่อจับกุม นำโดย พ.ต.อ.สุภากร จันทราบุตร ผกก.กก.ปพ.บก.สส.ภาค 1 และ พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ ผกก.บก.สส.ภาค 7 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 30 นาย แต่ระหว่างเข้าจับกุมคนร้ายกลับใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ จึงเกิดการยิงปะทะกันขึ้น เมื่อสิ้นเสียงปืนผลปรากฏว่า คนร้ายถูกวิสามัญเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ทราบชื่อต่อมาคือ นายอิทธิ สมัครราช อายุ 37 ปี เป็นหัวหน้าแก๊งค้ายาเสพติด
พ.ต.อ.สุภากร เผยภายหลังเข้าเคลียร์พื้นที่แล้วว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภาค 1 ได้สืบทราบว่า ผู้ตายหลังจากก่อเหตุฆ่า 4 ศพที่ จ.พระนครศรีอยุธยาแล้วได้หลบหนีมากบดานในบ้านหลังดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภาค 7 มาทำการปิดล้อมเพื่อจับกุม แต่คนร้ายไหวตัวทัน และได้ยิงปืนต่อสู้เจ้าหน้าที่จึงเกิดการดวลปืนกันขึ้น จนกระทั่งเสียงปืนสงบจึงเข้าไปตรวจสอบภายในบ้านพบศพ นายอิทธิ ถูกกระสุนปืนนอนเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว และมีอาวุธปืนตกอยู่ข้างลำตัว 3 กระบอก
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้พบเพื่อนของผู้ตายซึ่งมาพักอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวเพื่อมาก่อสร้างบ้านหลังใหม่ให้แก่ผู้ตายอีก 3 คน และภรรยาของผู้ตายอีก 1 คน จึงได้ควบคุมตัวไว้ทำการสอบสวน ส่วนสาเหตุที่คนร้ายก่อเหตุสะเทือนขวัญฆ่า 4 ศพ ที่ จ.พระนครศรีอยุธยานั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งประเด็นไว้ 2 สาเหตุคือ กลุ่มผู้ตายนัดส่งมอบยาเสพติด แต่ถูกคนร้ายปล้นยาเสพติดก่อนถูกฆ่าทิ้ง ส่วนอีกประเด็นคือ นายวิษณุ ทาคำมา 1 ใน 4 ศพนั้นมีเรื่องขัดแย้งเกี่ยวกับการต่อสู้คดียาเสพติดจึงมีถูกฆ่าปิดปากหมู่เกิดขึ้น
พล.ต.ต.ธวัชชัย ยิ่งเจริญสุข ผบก.สส.ภ.1 เปิดเผยว่า นายอิทธิ เป็น 1 ในคนร้ายที่ฆ่า 4 ศพแล้วหลบหนีการจับกุมมาระยะหนึ่ง ซึ่งทางชุดสืบสวนได้ออกติดตามจนกระทั่งทราบว่ามากบดานอยู่ในพื้นที่ จ.นครปฐม จึงได้ทำการสืบสวนเชิงลึกจนแน่ชัดว่ามาหลบอาศัยในบ้านหลังที่เกิดแหตุ จึงได้ประสานกำลังตำรวจภูธรภาค 7 ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม และ สภ.กำแพงแสน เจ้าของท้องที่ในการเข้าปิดล้อมเพื่อจับกุมตัว และต้องทำด้วยความรอบคอบ เพราะทราบมาว่าคนร้ายมีการพกปืน และพร้อมจะตอบโต้เจ้าหน้าที่ทุกขณะ
กระทั่งมาถึง และได้มีการสังเกตพบเป้าหมายจึงพยายามเข้าจับกุม แต่คนร้ายไหวตัวทันได้พยายามยิงปืนออกมาหลายนัดเพื่อต่อสู้ และจะหลบหนี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้วางกำลังในการพยายามจับกุม และยิงสวน จนเสียงปืนสงบ และเข้าตรวจสอบพบว่า นายอิทธิ เสียชีวิตแล้วจึงแจ้งไปยังท้องที่ให้เข้ามาร่วมตรวจสอบ
ส่วนปมการสังหาร 4 ศพ ที่เป็นคดีสะเทือนขวัญนั้นมาจากเรื่องการหักผลประโยชน์ธุรกิจนอกกฎหมาย โดยจากการสืบสวนทราบว่า คนร้ายที่ลงมือฆ่าเหยื่อทั้ง 4 ศพ น่าจะมีมากกว่า 2 คน โดยใช้ปืนขนาด 9 มม. เป็นอาวุธ และได้สอบสวนนายเฉลิม กิจเกษม และนางสมทรง กิจเกษม พ่อตาแม่ยายของนายวรวิทย์ วังมะนาวพิทักษ์ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุสังหาร 4 ศพได้ข้อมูลเพิ่มเติมเป็นชนวนสังหารโหดครั้งนี้
“ตำรวจมุ่งประเด็นคนร้ายที่ยิงทั้ง 4 คน น่าจะเป็นกลุ่มคนที่รู้จักสนิทสนมกับผู้ตายเป็นอย่างดี ในวันเกิดเหตุทราบว่า มีการนำเงินจำนวนไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท มานับกันที่บ้านหลังที่เกิดเหตุโดยมีญาติของ 1 ใน 4 ผู้ตายมาพบเห็นการนับเงิน จึงอาจเป็นสาเหตุจูงใจที่ต้องฆ่าทั้ง 4 คนเพื่อชิงเงินดังกล่าวซึ่งอาจเป็นเงินนอกกฎหมาย”
ด้าน พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิ์ชัยกานต์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตที่ถูกวิสามัญครั้งนี้น่าจะเป็นเอเยนต์ตัวสำคัญของเครือข่ายค้ายาเสพติด ซึ่งรู้ว่ากลุ่มผุ้ตาย 4 ศพนั้นมียาเสพติด และเงินสดจำนวนมากเก็บไว้ จึงบุกเข้าไปสังหารหมู่เพื่อชิงทั้งเงินทั้งยาดังกล่าว
“หลังเกิดเหตุฆ่า 4 ศพ เจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนได้เรียกนายเฉลิม กิจเกษม และนางสมทรง กิจเกษม พ่อตาแม่ยายนายวรวิทย์ วังมะนาวพิทักษ์ และเป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุมาให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งทางตำรวจมุ่งประเด็นคนร้ายที่ยิงทั้ง 4 คนไม่ใช่มือปืนที่ตามมาจาก จ.เชียงราย น่าจะเป็นที่รู้จักกับกลุ่มผู้ตายเป็นอย่างดี และในวันก่อนเกิดเหตุมีการนำเงินไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท มานับกันที่บ้านหลังดังกล่าว และได้มีญาติของ 1 ในผู้ตายมาพบเห็นการนับเงินพอดีจึงอาจเป็นสาเหตุที่ต้องฆ่าทั้ง 4 คน เพื่อชิงเงินก็เป็นได้”พล.ต.ต.เสริมคิด กล่าว
ต่อมา เวลา 18.00 น.ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.) พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.ภาค 1 พล.ต.ต.ธวชัชัย ยิงเจริญสุข ผบก.สส.ภาค 1 และ พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมกันแถลงข่าวการขยายผลหลังจากการวิสามัญ นายอิทธิ สมัคราช
โดย พล.ต.ท.นเรศ กล่าวว่า ภายหลังการวิสามัญเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนขยายผลจนทราบว่า นายอิทธิ พร้อมกับ นายชาญ สายสังข์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 536 หมู่ 3 ต.สระกระโจม อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี และนายพิทักษ์ ทับทิม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 334 ต.สระกระโจม อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี 2 ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี ร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง 4 ศพ ในท้องที่ สภ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้เดินทางไปทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 553 หมู่ 3 ต.สระกระโจม อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นบ้านของ นายประเทือง ชาวละหาร อายุ 51 ปี และนางสังวาร ชาวละหาร อายุ 49 ปี พ่อตาและแม่ยายของนายอิทธิ พบอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก ซองกระสุนปืน จำนวน 1 อัน ลูกกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 19 นัด ลูกกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 7 นัด ยาไอซ์ 9 กิโลกรัม ยาบ้า 200 เม็ด เงินสด 71,000 บาท พร้อมรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถยนต์กระบะมิตซูบิชิไทรทัน สีขาว 4 ประตู หมายเลขทะเบียน กจ 7659 สุพรรณบุรี
ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ซึ่งถ้าหากมีการต่อสู้หรือขัดขืนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เพราะก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และยังเป็นแก๊งขบวนการโหดเหี้ยมใช้อาวุธปืนยิงเพื่อชิงยาเสพติด และเงิน
แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้พยานคนสำคัญรายหนึ่ง ซึ่งเป็นนักโทษในเรือนจำให้การว่า กลุ่มผู้ตายมีการนำยาบ้า จำนวน 10 มัด และยาไอซ์อีก 10 กิโลกรัม พร้อมเงินสดอีก 5 ล้านบาท มาที่บ้านหลังที่เกิดเหตุเพื่อทำการส่งต่อให้แก่เอเยนต์ และกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดได้มาพบเพื่อติดต่อซื้อยาเสพติด แต่เห็นว่ามียาเสพติด และเงินจำนวนมากจึงได้ทำการฆ่า และชิงยาเสพติด และเงินสดไป
โดยยาบ้าและยาไอซ์บางส่วนได้มีการแบ่งกระจายของออกไปแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนติดตาม ในกลุ่มเอเยนต์ยาบ้าจะเรียกกันว่าแก๊งดอนเจดีย์ มีพฤติกรรมใช้อาวุธปืนเข้าปล้นยาเสพติด และเงินสดจากเอเยนต์ยาบ้า เมื่อรู้ว่ามีการส่งสินค้าล็อตใหญ่ หรือมีจำนวนมากๆ เพื่อนำไปจำหน่ายต่ออีกทอดหนึ่ง