ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - กองทัพอากาศจับมือจังหวัดเชียงใหม่สนับสนุนเครื่องบิน “บีที 67” บรรทุกน้ำเที่ยวละ 800 แกลลอนขึ้นบินโปรยเหนือตัวเมืองเชียงใหม่วันละ 2-4 เที่ยว นาน 1 สัปดาห์ก่อนประเมินผล ตั้งเป้าป้องกันและบรรเทาสถานการณ์ปัญหาหมอกควัน
วันนี้ (25 มี.ค.) ที่ห้องประชุมท่าอากาศยานทหารกองบิน 41 เชียงใหม่ นายชนะ แพ่งพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นาวาอากาศเอก สุนทร ผ่องอำไพ เสนาธิการกองบิน 41 ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ หัวหน้าหน่วยงานราชการ และนักบินของกองทัพอากาศ
ร่วมกันประชุมหารือวางแผนการขึ้นบินทดลองแก้ไขปัญหาหมอกควันของกองทัพอากาศที่สนับสนุนเครื่องบินลำเลียงชนิด บีที 67 ที่เพิ่งถูกส่งมาประจำการที่กองบิน 41 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ต้องไปช่วยภารกิจแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่ภาคใต้ และล่าสุดใช้ขึ้นบินช่วยดับไฟไหม้กองขยะที่สมุทรปราการ
โดยขณะนี้ในพื้นที่ภาคเหนือยังคงประสบปัญหาหมอกควันไฟป่า แม้ว่าในช่วง 2 วันที่ผ่านมาจะเกิดฝนตกทำให้ปัญหาหมอกควันบรรเทาความรุนแรงลงในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์ว่าอากาศจะกลับสู่ภาวะร้อนแห้งแล้งและไม่มีฝนตกลงมา รวมทั้งพบว่าพื้นที่ทางใต้ของจังหวัดเชียงใหม่ยังมีการเผาพื้นที่เกษตร โดยเฉพาะการเผาไร่ข้าวโพดเพื่อเตรียมเพาะปลูกฤดูใหม่ ทำให้มีความเสี่ยงที่สถานการณ์จะกลับมารุนแรงอีกครั้ง
เบื้องต้นมีการวางแผนงานร่วมกันที่จะทำการทดลองบินแก้ไขปัญหาหมอกควันตลอดช่วงสัปดาห์นี้ด้วยเครื่องบินชนิด บีที 67 ที่จะบรรทุกน้ำเที่ยวละ 800 แกลลอน ขึ้นบินในระดับความสูงที่ 2,000 ฟิต เพื่อโปรยน้ำเป็นละอองฝอยลักษณะเหมือนกับฝนตกเพื่อช่วยแก้ไขบรรเทาปัญหาหมอกควันในอากาศ
โดยใช้พื้นที่เป้าหมายในตัวเมืองเชียงใหม่ เฉลี่ยวันละ 2-4 เที่ยวบิน ซึ่งแต่ละเที่ยวจะสามารถโปรยน้ำได้ประมาณ 30,000 ตารางเมตร และจะมีการประเมินผลตลอด 1 สัปดาห์ต่อจากนี้ ก่อนที่จะมีการสรุปวางแผนการทำงาน โดยเครื่องบิน บี 67 จะประจำการเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหมอกควันที่กองบิน 41 นี้ต่อไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นช่วงวิกฤต และหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นก็พร้อมที่จะขอการสนับสนุนเครื่องบินจากกองทัพอากาศมาเพิ่มเติม
ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่แจ้งเตือนประชาชนว่า ขณะนี้ในทุกพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ได้ใช้มาตรการทางกฎหมายเข้ามาควบคุมการเผา โดยจะห้ามเผาทุกชนิดในที่โล่งรวมทั้งเรื่องของการเผาพื้นที่การเกษตรด้วย มีการตั้งรางวัลนำจับสำหรับผู้แจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมผู้ที่ลักลอบเผารายละ 5,000 บาท และฝากขอความร่วมมืองดเผาทุกชนิด เนื่องจากยังไม่พ้นช่วงวิกฤตที่ปัญหาหมอกควันอาจจะกลับมาสะสมจนวิกฤตหนักได้ตลอดเวลา