ศูนย์ข่าวศรีราชา - ปลัดเมืองพัทยา เผยราคาที่ดินติดทะเล-ใจกลางเมืองพัทยา ขยับแล้วกว่า 200% หลังมีจุดขายด้านสาธารณูปโภค รับการเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ในภูมิภาคเอเชีย ทำให้ทุนต่างชาติแห่กว้านซื้อที่ดินลงทุนด้านที่อยู่อาศัย รองรับการเปิดสำนักงานสาขา โดยทุนรัสเซีย-จีน มากสุดในปัจจุบัน
นายปกรณ์ สุคนธชาติ ปลัดเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เมืองพัทยาส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ไม่ใช่เพียงการเป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเลที่มีชื่อเสียงระดับโลกเพียงเท่านั้น แต่ยังมีความเหมาะสมด้านทำเลที่ตั้ง และระบบสาธารณูปโภค รองรับการเป็นเมืองหน้าด่านของการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ส่งผลให้ราคาที่ดินขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการแห่เข้ามาของนักลงทุนทั้งชาวไทย และต่างชาติที่เร่งขยายการลงทุนด้านที่อยู่อาศัย เพื่อรองรับการเก็งกำไร และการเป็นบ้านหลังที่ 2
ขณะที่การเติบโตทางการท่องเที่ยวของเมืองพัทยา พบว่าช่วงไฮซีซัน และโลว์ซีซันไม่มีความแตกต่างทางตัวเลขนักท่องเที่ยวเช่นในอดีตอีกแล้ว กล่าวคือ มีอัตราการเดินทางท่องเที่ยวและเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 80% ต่อเดือน และอาจสูงถึง 120% ในบางเดือน
“ราคาซื้อ-ขายที่ดินปี 2556 อยู่ที่ไร่ละประมาณ 300 ล้านบาท สำหรับที่ดินติดทะเลพร้อมบ้าน 1 หลัง และมีพื้นที่ด้านหน้าติดถนนสุขุมวิท ส่วนราคาที่ดินติดถนนเลียบชายหาดจะซื้อ-ขายกันที่ไร่ละ 200 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่อลงทุนทำโรงแรม ขณะที่ที่ดินซึ่งยังไม่มีการพัฒนาก็เริ่มซื้อ-ขายกันที่ไร่ละกว่า 40 ล้านบาทแล้ว โดยจะเห็นได้ชัดว่าในช่วง 5 ปีนี้ ราคาที่ดินเมืองพัทยามีการปรับตัวแบบก้าวกระโดด ปัจจุบันก็น่าจะสูงถึง 200-300% แล้ว”
นายปกรณ์ กล่าวว่า ราคาที่ดินเมืองพัทยาที่ขยับขึ้นจนน่าตกใจ ทำให้นักลงทุนรายย่อยไม่สามารถซื้อขายได้ เพราะที่ดินส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในมือของแลนด์ลอร์ด ที่มีกำลังซื้อระดับพันล้านแทบทั้งสิ้น และขณะนี้มีนักธุรกิจหลายประเทศสนใจจะขยายสาขาในเมืองพัทยา และอีกหลายกลุ่มพร้อมที่จะหอบเงินมากกว่าหมื่นล้านบาทเข้ามาลงทุน ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า เมืองพัทยา จะเป็นเมืองที่มีสำนักงานสาขาของบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีการขยายการลงทุนไปทั่วโลกเข้ามาตั้งอยู่ก็ได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง และเมืองพัทยาต้องเร่งแก้ไขให้ทัน คือ ปัญหาการจราจร ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการวางแผนรับมือกันแล้ว
ด้านนางโสภิญ เทพจักร กรรมการบริหารบริษัทในเครือไดอาน่ากรุ๊ป กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มทุนใหญ่จากประเทศจีน ซึ่งเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เคยลงทุนด้านที่อยู่อาศัยในเกาะฮ่องกง จนสร้างความปั่นป่วนด้านราคาที่ดินให้แก่ฮ่องกงมาแล้ว ก็เริ่มขยายการลงทุนเข้ามาในเมืองพัทยา เห็นได้ชัดว่าจากขยายตัวของโครงการคอนโดมิเนียมที่มีอย่างต่อเนื่อง แม้ราคาที่ดินจะขยับขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ก็ตาม โดยกลุ่มทุนใหญ่ คือ นักลงทุนรัสเซีย และจีน
“แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ปัญหาการจราจร ที่ปัจจุบันยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งหากในอนาคตมีการย้านถิ่นเข้ามามาก ปัญหาการจราจรอาจส่งผลกระทบในด้านต่างๆ มากกว่าที่เป็นอยู่”