ศูนย์ข่าวศรีราชา - โจรบุกเดี่ยวใช้มีดจี้ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ FAMILYMART กวาดเงินเกลี้ยงร้าน เจ้าหน้าที่นำภาพวงจรปิดมาประกอบการเร่งติดตามจับกุมตัวร้ายรายดำเนินคดีตามกฎหมาย
เวลา 02.11 น. วันนี้ (20 มี.ค. ) ร.ต.อ.นเรศ บุญที ร้อยเวรสอบสวน สภ.สัตหีบ รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้มีดจี้ชิงทรัพย์ภายในร้านสะดวกซื้อ FAMILYMART เลขที่ 3/51 ม.5 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ตรงข้ามโรงเรียนสิงห์สมุทร ติดถนนสุขุมวิท หลังรับแจ้ง ได้ประสานชุดสืบสวนร่วมทำการตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบ น.ส.บุษบา คำสา อายุ 18 ปี และ น.ส.ฐาปณี แสงกระจ่าง อายุ 22 ปี พนังงานแคชเชียร์กำลังอยู่ในอาการหวาดผวา และตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนรอให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้น
เมื่อตรวจสอบหลักฐานจากภาพวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ที่ได้บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะคนร้าย พบเป็นชาย อายุประมาณ 30 ปี รูปร่างท้วม สูงประมาณ 170 ซม. สวมแว่นสายตา ใส่หมวกกันน็อกครึ่งใบสีขาว ใส่ผ้าปิดปากบดบังใบหน้า สวมเสื้อแจ็กเกตแขนยาวสีดำคาดแดง กางเกงยีนส์ขายาว สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ บุกเดี่ยวเข้ามาในร้าน ใช้มีดปลายแหลมทำครัว ความยาวประมาณ 1 ฟุต ข่มขู่บังคับให้ น.ส.บุษบา พนักงานแคชเชียร์ ขณะกำลังยืนหั่นผักไปเปิดเครื่องเก็บเงินทั้ง 2 เครื่อง เพื่อนำเงินสดออกมาให้ ก่อนรีบวิ่งหลบหนีออกไปจากร้านหายลอยนวล ส่วนทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปเป็นเงินสด จำนวน 2,845 บาท
สอบถาม น.ส.บุษบา ให้การว่า ขณะที่ตนกำลังยืนหั่นผักอยู่หน้าร้านคนเดียว คนร้ายได้จู่โจมบุกเดี่ยวถือมีดปรี่เข้ามาหาตน พร้อมข่มขู่จะแทงให้ตายหากคิดหนี จากนั้นได้บังคับให้ไปเปิดเครื่องเก็บเงิน ด้วยความกลัวตายจึงรีบทำตามคำสั่ง โดยเปิดเครื่องเก็บเงินในเครื่องแรกมีเงินสด 1,371 บาท และเครื่องที่ 2 มีเงินสด 1,474 บาท ให้แก่คนร้ายไป
เป็นจังหวะเดียวกับที่ น.ส.ฐาปณี กำลังเดินออกมาจากหลังร้านมาเห็นเหตุการณ์พอดี คนร้ายได้ข่มขู่ให้วิ่งเข้าไปหลังร้าน พร้อมกับให้ตนวิ่งตามเข้าไปด้วยกันเพื่อกันการติดตาม ก่อนคนร้ายจะหนีหายออกไปจากร้ายอย่างลอยนวล
คนร้ายน่าจะมาดูลาดเลาไว้ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางดึก ซึ่งเป็นชายคนเดียวกับที่ทำทีนอนหลับอยู่บนเก้าอี้ม้านั่งฝั่งตรงข้ามร้าน แต่ไม่มีใครสงสัย หรือคิดว่าเป็นคนร้าย เมื่อสบโอกาสปลอดลูกค้า และปลอดผู้คนจึงถือโอกาสลงมือก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์
ด้าน ร.ต.อ.นเรศ บุญที ร้อยเวรเจ้าของคดีกล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้ให้ผู้เสียหายไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนส่งหน้าที่ต่อให้ชุดสืบสวนในการนำภาพวงจรปิดซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญเร่งติดตามจับกุมตัวร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
