ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตำรวจโคราชรวบหนุ่มใหญ่ แค้นหลานถูกโจ๋คู่อริกว่า 20 คนควบ จยย.กว่า 10 คันไล่ทำร้ายกลางหมู่บ้าน ชักปืน 9 มม.ยิงสวนดับ ได้ผู้ต้องหารวม 3 ราย รับสารภาพแก้แค้นแทนหลานที่ถูกไล่ตีมาหลายครั้ง
วันนี้ (19 มี.ค.) ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา พ.ต.อ.สมร ทองกลาง พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมือง พ.ต.อ.อนันต์ พิมพ์เจริญ รอง ผกก.สภ.เมือง และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม สภ.เมือง ร่วมกันสอบสวนผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุฆ่า นายอานนท์ วิไลรัตน์ อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 607/3 ถนนพายัพทิศ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เหตุเกิดเมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา
โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 3 ราย ประกอบด้วย นายพงษ์เทพ หรือ เว่อ รดสุขหอม อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 281/1 บ้านหัวถนน หมู่ 7 ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายภาณุพงษ์ หรือก๊อต จอมเกาะ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 281/1 บ้านหัวถนน หมู่ 7 ต.หัวทะเล และนายณัฐชา หรือหนุ่ย รดสุขหอม อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 167 บ้านหัวถนน หมู่ 7 ต.หัวทะเล พร้อมปืนออโตเมติกขนาด 9 มม. 1 กระบอก ปืนปากกาแบบไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก
สืบเนื่องจากตำรวจรับแจ้งมีเหตุนายอานนท์ถูกยิงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดในหมู่บ้านหัวถนน หมู่ 7 ต.หัวทะเล จึงทำการสืบสวนจนทราบกลุ่มผู้ก่อเหตุและสามารถจับกุมได้
สอบสวนเบื้องต้นนายพงษ์เทพรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง โดยวันเกิดเหตุกลุ่มผู้เสียชีวิตประมาณ 20 คนได้ขี่รถจักรยานยนต์กว่า 10 คันเข้ามาในหมู่บ้าน ก่อเหตุไล่ตีกลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้าน รวมทั้งนายภาณุพงษ์ และนายณัฐชา ที่มีศักดิ์เป็นหลานของตน ซึ่งถูกตีได้รับบาดเจ็บมาแล้วหลายครั้ง
เมื่อกลุ่มผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์ย้อนกลับมาก่อเหตุอีกรอบ นายภาณุพงษ์ และนายณัฐชาจึงยิงปืนปากกาขู่ไป 1 นัด แต่กลุ่มผู้เสียชีวิตไม่ยอมหนี กลับยิงปืนสวนกลับมาหลายนัด จากนั้นตนจึงวิ่งเข้าไปเอาอาวุธปืนขนาด 9 มม. ซึ่งอยู่ในบ้านออกมายิงขู่ขึ้นฟ้า 2 นัด กลุ่มผู้เสียชีวิตกลับยิงสวนมาอีก จึงยิงสวนไปในกลุ่มผู้ตาย 1 นัด และมาทราบที่หลังว่ามีคนเสียชีวิต จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป