ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้การโคราชเผยคดีคนร้ายควงปืนบุกจี้ร้านทองกลางเมืองโคราชกวาดทองไป 3 ล้านคืบหน้า ได้ภาพวงจรปิดเส้นทางหลบหนีเพิ่มเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน ขอเวลาตำรวจทำงาน คาดคนร้ายมืออาชีพและไม่เคยถูกจับมาก่อน สั่งตำรวจสายตรวจทุกพื้นที่ปรับแผนออกตรวจ-ตั้งจุดตรวจเร็วขึ้น 1 ชม.ก่อนร้านทอง สถาบันการเงินเปิด ป้องกันเกิดเหตุซ้ำ
วันนี้ (20 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุใช้ปืนบุกจี้ร้านทองไท้เฮงล้ง ตราช้าง 4 เลขที่ 508 ถ.ราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา กวาดทองรูปพรรณไป 146 บาท รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท เกิดเหตุเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.นั้น
ล่าสุดวันนี้ พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า จากการแบ่งทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ทำงานทำให้คดีมีความคืบหน้าไปมาก โดยได้ภาพโทรทัศน์กล้องวงจรปิดมาเพิ่มเติมในเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนีซึ่งเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก ส่วนจุดที่บันทึกภาพได้นั้นไม่ขอเปิดเผยเพราะอยู่ในการสอบสวนของเจ้าหน้าที่เกรงจะเสียรูปคดี
อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวอยู่ในความสนใจของประชาชนและสร้างความตกใจให้แก่เจ้าของร้านทอง ที่สำคัญเหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมานานในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ฉะนั้นจะต้องมีการติดตามความคืบหน้าและเร่งรัดการดำเนินคดีทุกวัน ซึ่งต้องทำให้เห็นว่าเมื่อก่อคดีได้ตำรวจก็ต้องจับได้เช่นกัน คิดว่าคดีนี้ง่ายกว่าคดีอื่นๆ เพราะมีภาพจากกล้องวงจรปิดให้แกะรอยคนร้ายจำนวนมากแต่ต้องขอเวลาให้ตำรวจทำงานก่อน
“ที่แน่ชัดขณะนี้คือคนร้ายลงมือก่อเหตุคนเดียวแน่นอนและวางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดี คาดว่าน่าจะเคยลงมือก่อเหตุลักษณะนี้มาก่อนแต่อาจยังไม่เคยถูกจับเนื่องจากได้มีการตรวจสอบประวัติผู้ต้องโทษทั้งหมดแล้วยังไม่ใกล้เคียงกับคนร้าย ส่วนผลการตรวจหลักฐานในที่เกิดเหตุของกองพิสูจน์หลักฐานจะส่งมาให้ในวันนี้ ยืนยันว่าตำรวจโคราชทำเต็มที่และอยากจับให้ไวที่สุด” พล.ต.ต.พงษ์เดชกล่าว
ส่วนคนร้ายจะหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปแล้วหรือไม่นั้นยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน แต่เราพยายามสืบสวนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ที่สำคัญขณะนี้ได้เน้นการป้องกันเป็นหลัก โดยสั่งการให้สายตรวจทุกพื้นที่ในจังหวัดนครราชสีมาปรับแผนใหม่ด้วยออกตรวจร้านทอง สถาบันการเงิน และธนาคารเร็วขึ้น จากเดิม 08.00 น. เป็น 07.00 น. พร้อมตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจก่อนที่ร้านทองและสถาบันการเงินจะเปิดให้บริการเพื่อป้องกันการก่อเหตุซ้ำซ้อนขึ้นอีก และเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์