xs
xsm
sm
md
lg

ภัยแล้งในจันท์วิกฤตหนักแหล่งต้นน้ำตกคลองจันตาแป๊ะแห้งขอด ปชช.เดือดร้อนเกือบ 5 หมื่นครัวเรือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แหล่งน้ำเริ่มแห้งขอด ไม่มีน้ำไปรดต้นไม้
จันทบุรี - ภัยแล้งในจังหวัดจันทบุรีวิกฤตหนัก พบแหล่งน้ำต้นน้ำในน้ำตกคลองจันตาแป๊ะที่ไหลเป็นสายน้ำหลักหล่อเลี้ยงแห้งขอด ส่งผลกระทบต่อผลผลิตของเกษตรกรที่ให้ดอกให้ผลอย่างหนัก เผยหลังจังหวัดประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติภัยใน 9 อำเภอ พบมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนแล้วเกือบ 5 หมื่นครัวเรือน เร่งหน่วยงานเกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือ

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปดูสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ตำบลจันทเขลม อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี ที่เป็น 1 ใน 9 อำเภอ ที่ทางจังหวัดได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ง และพบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ต้นน้ำ น้ำตกคลองจันตาแป๊ะที่ไหลเป็นสายน้ำหลักหล่อเลี้ยงไปในพื้นที่ 8 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 1-8 ตำบลจันทเขลม อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี

พบว่าในปัจจุบันแหล่งน้ำต้นน้ำในคลองได้แห้งขอดเห็นสันดอนทราย และกรวดหินส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อผลผลิตของเกษตรกรใน 8 หมู่บ้านที่ปลูกไว้ และชาวบ้านต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักในการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคมานาน

ในช่วงนี้ผลผลิตไม่ว่าจะเป็น เงาะ มังคุด ทุเรียน ที่ชาวบ้านปลูกไว้เริ่มที่จะติดดอกออกผล และต้องการน้ำเป็นอย่างมากในการเข้ามาบำรุงต้น หากไม่ได้น้ำเข้ามาช่วยเหลือก็จะทำให้ผลผลิตที่ปลูกไว้ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน

สำหรับภัยแล้งที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุฝนทิ้งช่วงนาน ภัยแล้งมาเร็วกว่าทุกปี และทำให้น้ำในคลองที่ชาวบ้านใช้สูบเข้าสวนแห้งขอดเร็ว แม้ในช่วงนี้พื้นที่จังหวัดจันทบุรี จะมีฝนตกลงมาเล็กน้อยแต่ปริมาณฝนที่ตกลงมาก็ไม่ได้มาช่วยเหลืออะไรชาวบ้านได้มากนัก

ในเบื้องต้น ทางเทศบาลตำบลจันทเขลม ได้มีการประสานขอรถแบ็กโฮจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรีเข้ามาขุด และทำแนวกั้นเก็บกักน้ำช่วยเหลือชาวบ้าน และเกษตรกรชาวสวนเป็นการเร่งด่วนแล้ว

ปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาของชาวบ้านและเกษตรกรชาวสวน คือ การใช้น้ำที่มีอยู่จากการขุดสระเก็บกักไว้ในสวนอย่างประหยัดแต่ก็ยังไม่ทราบว่าจะพ้นแล้งในปีนี้หรือไหมอย่างไร เพราะปริมาณน้ำเริ่มลดน้อยลง หากไม่พ้นแล้งก็จะมีการประสานให้ทางเทศบาลตำบลจันทเขลม นำรถบรรทุกน้ำนำน้ำเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านต่อไป

ปัญหาภัยแล้งในปีมาเร็วมาก น้ำในคลองที่เคยมีกลับแห้งขอดอย่างเห็นได้ชัด ปัจจุบันชาวบ้านใน 8 หมู่บ้านเริ่มขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคกันแล้ว รวมทั้งผลผลิตที่กำลังติดดอกออกผลก็เริ่มที่จะขาดแคลนน้ำ และได้รับความเสียหายเพราะไม่มีน้ำมาหล่อเลี้ยง

ประกอบพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ต้นน้ำ เวลาเกิดภัยแล้งพื้นที่นี้จะได้รับผลกระทบก่อนเป็นลำดับแรก และเป็นพื้นที่ที่เกิดภัยแล้งขึ้นเป็นประจำทุกปีอีกด้วย

**กระทบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์
ชาวบ้านเดือนร้อนเกือบ 5 หมื่นครัวเรือน


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ 9 อำเภอของ จ.จันทบุรี ยังจะขยายวงกว้าง และส่งผลกระทบต่อสวนผลไม้ รวมถึงคลองสาขา ซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติโดยหลายพื้นที่มีปริมาณน้ำลดเร็วกว่าปกติ ไม่เว้นแม้แต่สถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะน้ำตกคลองนารายณ์ใน ต.คลองนารายณ์ อ.เมือง จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นลำธารน้ำตกขนาดใหญ่ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้เคยเสด็จประพาส เมื่อปี พ.ศ.2400

อีกทั้งน้ำตกคลองนารายณ์ยังเป็นแหล่งน้ำน้ำศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 3 ของ จ.จันทบุรี ที่นำไปใช้ในพระราชพิธี และพิธีกรรมสำคัญของไทยมาแต่โบราณ โดยพบว่าขณะนี้ ธารน้ำตื้นเขิน และน้ำได้แห้งขอดจนเหลือแต่โขดหิน จนสามารถลงไปเดินสำรวจได้อย่างง่ายดาย

ส่วนตัวน้ำตกชั้นที่ 3 พบว่ามีน้ำอยู่เพียงเล็กน้อย ทำให้ร้านค้าที่เปิดร้านจำหน่ายอาหารบริเวณด้านข้างน้ำตก ต้องปิดร้านชั่วคราว เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อน และใช้บริการ

นายกล้าณรงค์ พงษ์เจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เผยหลังลงพื้นที่สำรวจว่า ปกติน้ำตกคลองนารายณ์ จะมีน้ำไหลมาจากเขาสระบาป โดยจะไหลผ่านสวนผลไม้ หล่อเลี้ยงเกษตรกรชาวสวน และชาวบ้านในหลายหมู่บ้าน ซึ่งปกติน้ำตกแห่งนี้จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากทุกปี แต่ปัจจุบันไม่สามารถเข้ามาท่องเที่ยวได้เนื่องจากน้ำแห้งขอด และเกิดภัยแล้งยาวนาน ประกอบกับฝนทิ้งช่วงทำให้จังหวัดต้องประกาศ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ง

“ความแห้งแล้งมาเร็วกว่าทุกปี โดยตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา น้ำตกแห่งนี้ไม่มีน้ำลงเหลืออยู่เลย ต่างกับปีที่ผ่านๆ มา ที่ช่วงเดือน ก.พ.จะยังมีน้ำเหลืออยู่บ้าง ส่วนร้านค้าที่อยู่ติดกัน ได้เก็บข้าวของหยุดขายเนื่องจากไม่มีน้ำ ก็ไม่มีนักท่องเที่ยว ด้านสวนผลไม้ในพื้นที่ ต.คลองนารายณ์ ก็เริ่มได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำแล้ว เบื้องต้นได้แจ้งไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลคลองนารายณ์ ให้เข้าสำรวจเพื่อออกช่วยเหลือชาวสวนเร่งด่วน” นายกล้าณรงค์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ขณะนี้ จ.จันทบุรี ได้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติภัยแล้งแล้ว รวม 9 อำเภอ ประกอบด้วย อ.มะขาม อ.โป่งน้ำร้อน อ.สอยดาว อ.เขาคิชฌกูฏ อ.ท่าใหม่ อ.ขลุง อ.นายายอาม อ.แก่งหางแมว และ อ.เมือง รวมเขตที่ได้รับผลกระทบ 52 ตำบล 398 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบประมาณ 49,893 ครัวเรือน 194,702 คน ยกเว้น อ.แหลมสิงห์ ที่ยังไม่ประสบปัญหาภัยแล้ง

ทั้งนี้ จังหวัดได้ประสานกับท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี เทศบาลฯ และองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ที่ประสบภัยให้เร่งช่วยเหลือประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง แต่แนวโน้มภัยแล้งยังคงทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
สวนผลไม้กำลังได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
ต้นไม้เริ่มแห้งตาย หากไม่ได้น้ำมารักษาต้นในช่วงนี้



กำลังโหลดความคิดเห็น