ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผอ.ป่าไม้ 8 โคราชเผยผลตรวจสอบโฮมสเตย์ “ธาริต” ระบุชัดบ้าน 2 หลังซุกเขาบุกรุกป่าสงวนเขาเสียดอ้า แต่สุดแสบอ้างเฉยเป็นชื่อของคนอื่น แถมอยู่ระหว่างขอเช่าใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ 5 ไร่ ส่วนอาคารอีก 7 หลังสร้างในที่ดินมีโฉนด พบโผล่เพิ่มอีกรวมเป็น 3 แปลง อู้ฟู่ราคาที่ดินกว่า 20 ล้าน จนท.ป่าไม้พิลึกป้องสุดลิ่ม แนะปิดกิจการชั่วคราวเพื่อทำรั้วกั้น หวังตัดปัญหาถูกตราหน้าบุกรุกป่า
วันนี้ (16 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีคฤหาสน์หรูหลังใหญ่และโฮมสเตย์ ฟิออร์เร ปาร์ค (Fiore Park Home stay) เลขที่ 444 หมู่ 11 บ้านมอกระหาด ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา อันอื้อฉาวของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทั้งถูกตั้งข้อครหาว่ามาจากความร่ำรวยผิดปกติในตำแหน่งหน้าที่การงาน และพบมีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน โดยสร้างอาคารบ้านพักบนภูเขา รวมทั้งก่อสร้างอาคาร เจาะน้ำบาดาล โดยไม่ได้ขออนุญาตตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุด นายสมหวัง เรืองนิวัติศัย ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) เปิดเผยต่อ “เอเอสทีวี ผู้จัดการ” ว่า หลังปรากฏเป็นข่าว ทางสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีนายวีรวัฒน์ ประสมสุข ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า พร้อมคณะ ประกอบด้วย หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นม.1 (ปากช่อง) สายตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ สายที่ 1 (นครราชสีมา, บุรีรัมย์) กำนันตำบลหนองน้ำแดง เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธาองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองน้ำแดง รวมกว่า 20 คนไปตรวจสอบโฮมสเตย์ ฟิออร์เร ปาร์ค อย่างละเอียดทุกจุดที่เป็นข่าว โดยใช้เวลา 1 วันก่อนรายงานผลให้ตนทราบ
โดยการลงพื้นที่ตรวจสอบคณะเจ้าหน้าที่ได้พบนายประเสริฐ พิมพ์พา ซึ่งเป็นผู้ดูแลสถานที่โฮมสเตย์ฟิออร์เร ปาร์ค ได้แจ้งว่าที่ตั้งของ Fiore Park Home stay มีโฉนดที่ดินทั้งสิ้น 3 แปลง รวมเนื้อที่ทั้งหมด 4 ไร่เศษ พร้อมกับนำโฉนดที่ดินมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งพบว่าผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินคือ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ (ภรรยานายธาริต) คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ที่ดิน สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาปากช่อง เพื่อตรวจสอบว่าโฉนดที่ดินที่นำมาแสดงนั้นถูกต้อง และออกให้โดยสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาปากช่อง หรือไม่อย่างไร จากการตรวจสอบพบว่าโฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลงดังกล่าวอยู่ในแผนผังระวางแผนที่โฉนดที่ดินของกรมที่ดิน
“หลังจากนั้นนายประเสริฐได้นำคณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาคารสถานที่ ที่เป็นบ้านพัก ออฟฟิศ และบ้านหลังใหญ่ พบว่ามีอาคารทั้งหมด 7 หลัง ปลูกสร้างอยู่ภายในบริเวณพื้นที่มีโฉนดทั้งหมด คณะเจ้าหน้าที่จึงร่วมกันสรุปว่าอาคารทั้ง 7 หลังมิได้รุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยุง ป่าเขาอ่างหิน”
ชี้บ้าน 2 หลังรุกป่าสงวนฯ-อ้างเป็นของคนอื่น
นายสมหวังกล่าวว่า ส่วนอาคารอีก 2 หลังที่ปลูกอยู่ในป่าบนเขาบริเวณพื้นที่ติดกัน พร้อมมีการปรับพื้นที่ทำถนนเชื่อมเป็นผืนเดียวกันกับโฮมสเตย์ ฟิออร์เร ปาร์ค อย่างชัดจน และแม่บ้านระบุว่าเป็นของโฮมสเตย์ ฟิออร์เร ปาร์ค โดยอาคารหลังแรกใช้เป็นโรงอาหารสำหรับลูกค้า และอาคารที่ 2 ใช้เป็นสถานที่เก็บของ ซึ่งมีปัญหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติตามที่เป็นข่าว นายประเสริฐแจ้งว่าเป็นของนางวันทนา พิพัฒน์ไชยศิริ ไม่ใช่ของนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง ป่าเขาอ่างหินจริง
ในกรณีนี้ตรวจสอบพบว่าอยู่ระหว่างการขอใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้ โดย นางวันทนาได้ยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้าเพื่ออยู่อาศัยและทำการเกษตรกรรม ท้องที่ ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เนื้อที่ 5 ไร่ ระยะเวลา 30 ปี โดยยื่นต่อนายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่
“อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำนางวรรษมลผ่านผู้ดูแลให้ติดป้ายปิดกิจการโฮมสเตย์ชั่วคราว แล้วดำเนินการทำรั้วให้มิดชิดเพื่อแบ่งแยกให้ชัดเจน จะได้รู้ว่าส่วนไหนที่ครอบครอง และส่วนไหนที่ไม่ได้ครอบครอง คาดว่าทางฝ่ายนางวรรษมลน่าจะเร่งดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจว่าเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน”
นายสมหวังกล่าวว่า สำหรับปัญหาการก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้ขออนุญาตตามกฎหมายหลายหลัง และเจาะน้ำบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เป็นหน้าที่ของท้องถิ่น คือ อบต.หนองน้ำแดง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย
เปิดโฉนดโผล่รวม 3 แปลง อู้ฟู่กว่า 20 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับโฉนดที่ดินที่ตั้งโฮมสเตย์ ฟิออร์เร ปาร์ค ซึ่งมีนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ เป็นผู้ครอบครอง 3 แปลง ประกอบด้วยโฉนดฉบับที่ 1 เลขที่ 8078 เนื้อที่ 2 ไร่ ซื้อจาก น.ส.สุธีรา เตชะมณีวัฒน์ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2555 ตรงตามที่ “เอเอสทีวี ผู้จัดการ” เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ส่วนอีก 2 แปลง เป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 9917 และเลขที่ 9326 แปลงละ 1 ไร่ 25 ตารางวา ทั้ง 2 แปลงซื้อจากนางดวงดาว กนกวัฒนาวรรณ พร้อมกันในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2255 รวมเนื้อที่ 3 แปลงพื้นที่ติดต่อกัน 4 ไร่ 50 ตารางวา
โดยเมื่อ 2-3 ปีก่อนราคาที่ดินแถบนี้ซื้อขายกันไร่ละประมาณ 2-3 ล้านบาท หมายความว่าต้องใช้เงินนับ 10 ล้านบาทในการกว้านซื้อที่ดินทั้ง 3 แปลงผืนงามแห่งนี้มาครอบครองในคราวเดียว และปัจจุบันราคาเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็นไร่ละ 4-5 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าที่ดินร่วม 20 ล้านบาท
ทั้งนี้ยังไม่รวมที่ดินด้านหลังโฮมสเตย์ที่ติดภูเขา อันเป็นที่ตั้งอาคารบ้าน 2 หลังที่บุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาเสียดอ้าฯ ซึ่งอ้างว่าเป็นชื่อของนางวันทนา พิพัฒน์ไชยศิริ และอยู่ระหว่างการยื่นขออนุญาตเช่าใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้อีก 5 ไร่
แย้มคนยื่นขอเช่าป่าระบุอาชีพ “แม่บ้าน”
สำหรับกรณีข้างต้นเป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งว่าบุคคลที่ชื่อนางวันทนา พิพัฒน์ไชยศิริ ซึ่งผู้ดูแลโฮมสเตย์ของนางวรรษมลอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้าน 2 หลังที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติดังกล่าว และยังเป็นชื่อที่ใช้ในการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาตินั้น มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมหรือมีผลประโยชน์อันใดเกี่ยวข้องกับนางวรรษมล ซึ่งเบื้องต้นระบุอาชีพเพียงว่าเป็น “แม่บ้าน” อายุ 53 ปี และเพิ่งยื่นคำขอเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 หลังมีภาพคฤหาสน์หรูหลังใหญ่อื้อฉาวของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ถูกแชร์กันว่อนในโลกโซเชียลมีเดียในเดือนมิถุนายน 2556 เป็นต้นมา
อีกประการสำคัญ ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้กลับปล่อยปละละเลยให้มีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ดำเนินการทางกฎหมายแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องไม่ชอบมาพากลเหล่านี้ “เอเอสทีวี ผู้จัดการ” จะได้ติดตามข้อมูลมานำเสนอต่อไป