กาญจนบุรี - พลทหารรับใช้สุดทนโดนแม่เจ้านาย ยศ “ร.อ.” ที่ร่างกาย และสมองพิการ ด่าทอถึงบุพการี และเข้าไปตบหน้าจนเกิดความโมโห คว้าไม้ฟาดท้ายทอยดับสยองก่อนนำศพขึ้นไปทิ้งไว้บนบ้านพักชั้น 2 และใช้ผ้าห่มคลุมศพไว้จนขึ้นอืด น้ำเหลืองไหล กลิ่นเหม็นทั่วบ้านพักที่กาญจนบุรี และยังทนอยู่ดูแลเจ้านายที่พิการจนถูกจับกุมที่ กทม. สารภาพทำจริง
เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (14 มี.ค.) พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. วันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา นายกีรติเดช หนุนวงศ์ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 ซ.โชคชัย 4 ซอย 55 แยก 6 ถนนโชคชัย เขตลาดพร้าว กทม. เดินทางมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ลาดหญ้า ว่า นางเรณู หนุนวงษ์ อายุ 63 ปี เดินทางออกจากบ้านมาเยี่ยม ร.อ.ภควัน หนุนวงษ์ ลูกชายที่ป่วยพิการเนื่องจากประสบอุบัติเหตุขณะปฏิบัติหน้าที่เมื่อหลายปีก่อน โดยพักอยู่ที่เรือนแถวข้าราชการทหาร ร.9 พัน 2 กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เลขที่ 94/15 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และมีกำหนดกลับบ้านที่ กทม.ในวันที่ 9 มี.ค. แต่เมื่อถึงเวลานางเรณู ก็ยังไม่กลับ อีกทั้งยังติดต่อไม่ได้
หลังจากรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลาดหญ้า จึงไปตามหาที่บ้านพัก เมื่อไปถึงหน้าบ้านพบว่ากุญแจล็อกประตูหน้าบ้าน และมีกลิ่นเหม็นคลุ้งคล้ายกลิ่นศพพุ่งออกมาจากภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงพังประตูเข้าไปตรวจสอบ พบกองเลือดอยู่เต็มห้องครัว และยังมีน้ำเหลืองหยดลงมาจากชั้นที่ 2 ของบ้านนองเต็มพื้น บริเวณบันไดทางขึ้นชั้น 2 มีเลือดเปรอะเปื้อนทุกขั้น
เจ้าหน้าที่จึงขึ้นไปตรวจสอบชั้นที่ 2 ของบ้าน พบศพของนางเรณู นอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอนโดยมีผ้าห่มคลุมร่างเอาไว้ เมื่อเปิดดูพบสภาพศพขึ้นอืดน้ำเหลืองไหลเยิ้ม การแต่งกายนุ่งกางเกงขาสั้นแบบสามส่วน สวมเสื้อลายขาวดำ พบบาดแผลขนาดใหญ่ถูกตีด้วยของแข็งที่บริเวณศีรษะด้านหลัง เจ้าหน้าที่จึงรีบประสานแพทย์เวร รพ.ค่ายสุรสีห์ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.กาญจนบุรี มาชันสูตรพลิกศพ และตรวจหาลายนิ้วมือแฝงของคนร้าย
หลังจากนั้นได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วัฒนา ประสมทรัพย์ ผกก.สภ.ลาดหญ้า พ.ต.ท.ประคอง ศรีสุทธิ์ รอง ผกก.สส.สภ.ลาดหญ้า พ.ต.ท.บุญส่ง พิพัฒนทวีกุล สว.สส.สภ.ลาดหญ้า ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.กาญจนบุรี ประสานไปที่ตำรวจ สน.โชคชัย กทม. เนื่องจากจากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา พลทหารเชษฐา เวฬุวรรณเนา อายุ 24 ปี ทหารรับใช้ได้เรียกรถตู้ประจำทางสายลาดหญ้า กทม.มารับ ร.อ.ภควัน ที่พิการ เพื่อไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน กทม. หลังจากพบหมอแล้วเสร็จ พลทหารเชษฐา ก็พา ร.อ.ภควัน ไปพักผ่อนที่บ้านย่านลาดพร้าว โดยทำตัวเหมือนไมมีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ภ.จว.กาญจนบุรี และ สภ.ลาดหญ้า มั่นใจว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุฆ่านางเรณู คือ พลทหารเชษฐา จึงรีบประสานไปยัง สน.โชคชัย เพื่อส่งกำลังไปคุมตัวพลทหาร เชษฐา เอาไว้ก่อน เพื่อป้องกันการหลบหนี และเกรงว่าจะทำร้าย ร.อ.ภควัน ไปอีกหนึ่งคน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย ได้ประสานมาว่าได้คุมตัวผู้ต้องหาเอาไว้แล้ว จึงเดินทางไปรับตัวและนำมาสอบสวนที่ สภ.ลาดหญ้า สุดท้าย พลทหารเชษฐา จึงยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายนางเรณู เสียชีวิตจริง
จากการสอบสวน พลทหารเชษฐา รับสารภาพว่า ตนเป็นทหารรับใช้ ร.อ.ภควัน มีหน้าที่ดูแลบ้านและคอยช่วยเหลือ ร.อ.ภควัน ทุกอย่าง เนื่องจากร่างกาย และสมองพิการพูดจาไม่ได้ โดยตนเรียก ร.อ.ภควัน ว่านาย ส่วนนางเรณู ตนเรียกแม่แทนชื่อ
ตลอดระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ตนดูแลนาย เป็นอย่างดี ไม่เคยขาดตกบกพร่อง ส่วนนางเรณู ผู้เป็นแม่ นานๆ ครั้งจะเดินทางมาเยี่ยมลูกชาย และทุกครั้งที่มาจะชอบดุด่าตนอยู่เป็นประจำ หาว่าตนดูแลลูกชายไม่ดี ซึ่งตนก็อดทนมาโดยตลอด โดยไม่ยอมโต้เถียง ทำให้ตนรู้สึกมีความกดดันเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา นางเรณู เดินทางมาเยี่ยมลูกชายตามปกติ และตนพา ร.อ.ภควัน เข้าไปในห้องน้ำเพื่อให้อาบน้ำเอง ขณะที่รอตนได้มาเตรียมกับข้าวไว้ให้โดยอยู่กับนางเรณู ในห้องครัวชั้นล่าง และนางเรณู เรียกให้ตนไปกินข้าว แต่ตนไม่หิวจึงปฏิเสธทำให้นางเรณู เกิดอาการโมโห และด่าทอตนอย่างหยาบคาย
อีกทั้งยังด่าทอไปถึงบุพการีของตน ตนโมโหจนเลือดขึ้นหน้าจึงโต้เถียงกลับไป นางเรณู จึงเดินปรี่เข้ามาหา และใช้มือตบหน้าตน แต่ตนหลบทัน จึงผลักออกไป ด้วยความโมโหตนเห็นท่อนไม้กลมยาวประมาณ 1 เมตร วางอยู่จึงคว้ามา และตีเข้าที่ท้ายทอยอย่างแรง 3 ครั้ง จนนางเรณู ล้มลง จากนั้นจึงใช้ท่อนไม้ตีซ้ำเข้าที่เดิมอีก 2 ครั้ง จนแน่นิ่ง ทำให้พื้นมีเลือดไหลนองเต็มพื้น
จากนั้นจึงตัดสินใจลากร่างของ นางเรณู ขึ้นไปไว้บนชั้นที่ 2 และนำผ้าห่มไปคลุมเอาไว้ และรีบใช้ผ้า และน้ำล้างเลือดออกจนสะอาด รอจนกระทั่ง ร.อ.ภควัน อาบน้ำเสร็จ ตนจึงนำ ร.อ.ภควัน ออกมาจากห้องน้ำ และแต่งตัวให้ จากนั้นจึงกินข้าวจนอิ่ม และพาไปพบหมอที่โรงพยาบาลค่ายสุรสีห์ เพื่อให้หมอตรวจร่างกาย และกลับมานอนพักผ่อนอยู่ที่บ้านตามปกติ
จนกระทั่งวันที่ 11 มี.ค.พบว่ามีน้ำเหลืองไหลออกมาตามช่องพื้นปูบ้านชั้น 2 และกลิ่นศพเริ่มเน่าเหม็น จึงพยายามใช้น้ำไปเช็ดทำความสะอาด และวันที่ 11 มี.ค.เป็นวันที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี ได้นัดให้นำ ร.อ.ภควัน ไปพบเพื่อทำกายภาพบำบัด ซึ่งตนได้โทรศัพท์เรียกให้รถตู้โดยสารที่เคยมารับอยู่เป็นประจำมารับที่บ้าน จากนั้นจึงเดินทางไปหาหมอตามที่นัดไว้ และพา ร.อ.ภควัน ไปอยู่ที่บ้านของนางเรณู ย่านลาดพร้าว และตนได้ทำตัวตามปกติ
เมื่อพ่อของ ร.อ.ภควัน ถามหาภรรยา ตนก็ตอบไปว่าคงอยู่บ้านพัก ร.อ.ภควัน ที่ จ.กาญจนบุรี พ่อของ ร.อ.ภควัน จึงเดินทางไปหา และไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้ เนื่องจากหลังเกิดเหตุ ตนได้เอาซิมโทรศัพท์ของนางเรณู ออก และโยนทิ้งหน้าบ้าน
ส่วนเครื่องโทรศัพท์มือถือตนได้เอาติดตัวมาที่กรุงเทพฯ ด้วย จนกระทั่งวันที่ 13 มี.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว ได้มาพบตนที่บ้านของนางเรณู และคุมตัวตนไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลาดหญ้า และเจ้าหน้าที่ทหารจากค่ายสุรสีห์ มารับตัวตนมาสอบปากคำที่ สภ.ลาดหญ้า และสุดท้ายตนขอยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุฆ่านางเรณู เสียชีวิตจริง เนื่องจากเกิดบันดาลโทสะ ที่ถูกด่าทออย่างหยาบคาย อีกทั้งยังด่าไปถึงพ่อแม่ของตนอีกด้วย
สำหรับการสอบปากคำผู้ต้องหา พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.มานิตย์ จำลองรักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เดินทางไปสอบปากคำด้วยตนเอง โดยมีนายทหารรัฐธรรมนูญ สังกัดกองพลทหาราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เดินทางไปร่วมรับฟังด้วย โดยการสอบปากคำใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้คุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านพักหลังเกิดเหตุ ส่วนพื้นบ้านทั้งชั้นบน และชั้นล่างยังมีคราบเลือด และน้ำเหลืองอยู่เต็มพื้นบ้าน ขณะทำแผนเจ้าหน้าที่ต่างต้องทนกับกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง โดยไม่มีผ้าปิดจมูกเนื่องจากไม่ได้เตรียมไปด้วย หลังจากทำแผนแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.ลาดหญ้า ก่อนที่จะมอบตัวให้แก่นายทหารรัฐธรรมนูญ สังกัดกองพลทหาราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป