หนองคาย - ดีเอสไอตามติดรถตู้ขนสินค้าลักลอบหนีศุลกากร ข้ามจากลาวเข้าโกดังย่านชุมชนเมืองหนองคาย รวบคนขับพร้อม ยึดสินค้าเลื่อยยนต์ และชิ้นส่วนอะไหล่ เตรียมขยายผลเจ้าของสินค้า พร้อมผู้เกี่ยวข้อง
เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 8 มีนาคม นายภาสกร เจนประวิทย์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภาค 4 นายอโณทัย ธรรมกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นำเจ้าหน้าที่ดีเอสไอบุกจับกุม นายธวัชชัย มณีทร อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 หมู่ 9 ต.หาดคำ อ.เมือง จ.หนองคาย ขณะขับรถตู้โตโยต้าสีฟ้า ทะเบียน นข 2537 หนองคาย เข้าไปยังบริเวณหน้าบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ เลขที่ 140 ชุมชนดอนแดง ต.มีชัย อ.เมือง จ.หนองคาย
โดยบ้านหลังดังกล่าวปิดประตูแน่นหนา เจ้าหน้าที่แสดงตัวขอตรวจค้นรถตู้ ซึ่งพบว่าถูกดัดแปลงถอดเบาะโดยสารออกหมด ภายในอัดแน่นไปด้วยสินค้าหลายชนิด จึงได้คุมตัวนายธวัชชัย ไปสอบสวนพร้อมตรวจสอบสินค้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษส่วนแยกจังหวัดหนองคาย บริเวณใกล้กับด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว
จากการตรวจสอบสินค้า ประกอบด้วย เลื่อยยนต์ 94 ตัว บาร์เลื่อยยนต์ 200 ชิ้น ฝาครอบอะไหล่เลื่อย 80 ชิ้น โซ่ยนต์ 50 เส้น อะไหล่ส่วนประกอบฝาครอบ 100 ตัว ข้อเหวี่ยง 100 อัน กระบอกสูบ 27 อัน อะไหล่เครื่องตัดหญ้า 100 อัน ไฟสปอตไลต์ 80 ตัว และกางเกงขายาว 575 ตัว สินค้าทั้งหมดเป็นสินค้าลักลอบหนีศุลกากร มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท
นายธวัชชัย ให้การว่า มีชายหญิงชาวหนองคายคู่หนึ่งว่าจ้างให้ตนขับรถตู้ซึ่งเป็นรถของคนว่าจ้างนั้นไปรับสินค้าที่เวียงจันทน์ ให้ค่าจ้างครั้งละ 500-1,000 บาท ทำมาแล้วหลายครั้งในรอบ 3 เดือน โดยสงสัยอยู่ว่าเป็นสินค้าประเภทใด แต่ไม่เคยแกะสินค้าดู เพียงทำหน้าที่ขับรถแล้วรับเงินค่าจ้างกลับไปเท่านั้น
ด้านนายภาสกร กล่าวว่า ดีเอสไอได้รับแจ้งเบาะแสว่า มีขบวนการลักลอบนำสินค้าหนีศุลกากรจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในจังหวัดหนองคายหลายครั้ง จึงติดตามจนเป็นที่แน่ชัดว่า รถตู้คันดังกล่าวนี้ไปรับสินค้าที่ตลาดจีน ในนครหลวงเวียงจันทน์ จึงติดตามไปจนนำสินค้าขึ้นรถ และขับกลับเข้าประเทศผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว
เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นจับกุม โดยระหว่างที่จับกุมเจ้าของบ้านไม่อยู่ แต่สืบทราบว่า มีคนลาวเช่าบ้านไว้เป็นโกดังเก็บสินค้า สินค้าทั้งหมดคาดว่าจะถูกนำส่งต่อไปจำหน่ายที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะได้ขยายผลไปจนถึงเจ้าของสินค้า และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาดำเนินคดี เนื่องจากเป็นความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อประเทศ