xs
xsm
sm
md
lg

ศุลกากรหนองคายจับสาวขนยาไอซ์มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงจับกุมสาวลักลอบขนยาไอซ์มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท
หนองคาย - ศุลกากรหนองคาย โชว์ผลงานส่งท้ายปี จับสาวขอนแก่นหิ้วกระเป๋าเดินทางบรรจุรองเท้ายัดยาไอซ์ใส่พื้นรองเท้า น้ำหนักรวม 7.5 กิโลกรัม มูลค่า 30 ล้านบาท

วันนี้ (31 ธ.ค.) ที่ด่านศุลกากรหนองคาย อ.เมืองหนองคาย นายอโณทัย ธรรมกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นายอัสนี เรืองบุญ นายด่านศุลกากรหนองคาย นายธาดา นาคาเจริญ ผอ.ส่วนสืบสวนและปราบปราม 3 กรมศุลกากร พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จ.หนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม น.ส.ปุณยนุช สาระนันท์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134 หมู่ 7 ต.หนองแวง อ.พระยืน จ.ขอนแก่น พร้อมของกลางยาไอซ์ ซุกซ่อนในพื้นรองเท้า 17 คู่ (34 ข้าง) น้ำหนักรวม 7.5 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า จะมีการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย จนกระทั่งเวลา 19.00 น. วันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบ น.ส.ปุณยนุช นั่งรถโดยสารประจำสะพานข้ามมาจากประเทศลาว หิ้วกระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่เข้าทำพิธีการผ่านแดน เจ้าหน้าที่นำกระเป๋าเข้าเครื่องเอกซเรย์ ตรวจสอบภายในกระเป๋าเป็นรองเท้าส้นตึกสีดำ พบผิดสังเกตจึงแกะพื้นรองเท้าดูพบว่าภายในมียาไอซ์พันแบบแท่งยังไม่ได้ย่อยเป็นเกล็ดด้วยเทปกาวสีดำซ่อนอยู่ในพื้นรองเท้าทุกคู่

จากการสอบสวน น.ส.ปุณยนุช ให้การรับสารภาพว่า ตนทำงานรับจ้างที่กรุงเทพฯ ต่อมามีชายต่างชาติผิวดำไม่ทราบชื่อมาตีสนิทที่โบสถ์ จนทราบว่าตนมีภาระต้องเลี้ยงลูก 2 คน เงินไม่พอใช้ จึงว่าจ้างให้ตนไปรับยาเสพติดที่ประเทศจีน ให้เงินค่าจ้าง 80,000 บาท จึงตกลงทำ ออกเดินทางเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีคนพาไปยังเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน แวะเที่ยวก่อน

จากนั้นค่อยรับกระเป๋าเดินทางที่มียาไอซ์อยู่ภายในเดินทางกลับโดยลงเครื่องที่สนามบินเวียงจันทน์ ประเทศลาว เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา และจะนำยาไอซ์เข้ากรุงเทพฯ แต่ยังไม่ทราบว่าจะนำไปส่งที่ไหน จนกระทั่งมาถูกจับในที่สุด

ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ในรอบปีที่มีการลักลอบนำยาไอซ์เข้ามาในลักษณะเช่นนี้ โดยใช้เส้นทางจากจีน เข้าเวียงจันทน์ ปลายทางที่กรุงเทพฯ และเป็นขบวนการที่มีคนต่างชาติอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนขยายผลต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น