ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- กลุ่มเสื้อแดงโคราชโผล่ให้กำลังใจ “รองนายก อบจ.” หัวโจกแก๊งแดง หลังถูกไล่บี้หนักเหตุเหิมคิดแบ่งแยกประเทศและจาบจ้วงเบื้องสูง ระบุขอความเป็นธรรมและหนุนให้ทำหน้าที่รองนายก อบจ.ต่อ อ้างเป็นคนประนีประนอม ไม่เคยนำฝูงแดงมาปะทะเกิดความรุนแรง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (7 มี.ค.) ที่หน้าสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา (อบจ.นม.) อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จ.นครราชสีมา หรือกลุ่มคนเสื้อแดงโคราช กว่า 30 คน นำโดย นายจักรวุธ ไตรวัลลภ หรือ “ตี่ไก่” แกนนำคนเสื้อแดง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เดินทางมาให้กำลังใจ นายอนุวัฒน์ ทินราช รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา และประธาน นปช.นครราชสีมา โดยชูป้ายข้อความ “ประเทศไทยไม่มีใครคิดแบ่งแยก ขอสนับสนุนให้นายอนุวัฒน์ ทินราช ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป” , “กำนันนุสู้สู้” และ “รองนุ อย่าท้อถอยสู้ต่อไป”
โดยกลุ่ม นปช.นครราชสีมาได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกต่อ นายกิตติ เชาว์ดี รองนายก อบจ.นครราชสีมา เพื่อส่งต่อให้ ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายก อบจ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชานายอนุวัฒน์เพื่อขอความเป็นธรรม และสนับสนุนให้นายอนุวัฒน์ ทินราช รองนายก อบจ.นครราชสีมาปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
โดยหนังสือดังกล่าวมีสาระสำคัญระบุว่า ตามที่สื่อมวลชนแขนงต่างๆ นำเสนอข่าวกล่าวร้ายนายอนุวัฒน์ ทินราช รองนายก อบจ.นครราชสีมาและประธาน นปช.ภาคอีสาน มีแนวคิดจะแบ่งแยกประเทศไทย รวมถึงจาบจ้วงสถาบันสูงสุดของชาติ ฯลฯ โดยนำเอาแนวคิดที่เสนอในวันประชุมของ นปช.ลั่นกลองรบเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2557 ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมือง จ.นครราชสีมามาเผยแพร่ จนมีกลุ่ม กปปส.จังหวัดนครราชสีมานำเอามาเป็นสาเหตุกล่าวร้ายต่อนายอนุวัฒน์ ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน
พวกเรารู้จักนายอนุวัฒน์มานาน ขอเรียนว่าตลอดเวลาที่รู้จักนายอนุวัฒน์ ทั้งในฐานะที่เป็นกำนันผู้นำมวลชน, รองนายก อบจ.นครราชสีมา นายอนุวัฒน์เป็นผู้มีอุปนิสัยใจคอเยือกเย็นเป็นผู้ประนีประนอมในหลายเหตุการณ์จนเป็นที่ประจักษ์ทั่วไปใน จ.นครราชสีมา ซึ่งทำให้ใน จ.นครราชสีมาไม่มีการปะทะรุนแรง แม้จะมีความเห็นต่างทางการเมืองอย่างมากก็ตาม
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายอนุวัฒน์ ที่ถูกกล่าวหาจากบุคคลที่ไม่หวังดี ทั้งต่อนายอนุวัฒน์ และบ้านเมืองโดยส่วนรวม เราเชื่อว่าข้อกล่าวหาไม่เป็นความจริง จึงอยากขอความเป็นธรรม และขอสนับสนุนให้นายอนุวัฒน์ได้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป แต่ถ้าการกล่าวหาต่อนายอนุวัฒน์ตามข้อกล่าวหาทางสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เป็นความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ โดยกระบวนการยุติธรรม นายอนุวัฒน์ก็ไม่สมควรอยู่ในตำแหน่งรองนายก อบจ.อีกต่อไป
