ระยอง - สามี และญาติกังขาลูกตายในครรภ์ที่ รพ.ระยอง ส่วนมารดาเสียชีวิตตามไปอีก ติงพยาบาลพูดจาไม่เข้าหู เน้นให้ผู้บริหารแก้ไขคำพูดของพยาบาล
วันนี้ (4 มี.ค.) ที่วัดเขาพัง หมู่ 3 ต.ห้วยทับมอญ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง นายสมพร พันธุ์เฉลิมชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เขาชะเมา เป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพ น.ส.อัญชลี กลิ้งรัมย์ อายุ 31 ปี และ ด.ช.ธีรธร ประสงค์ทรัพย์ อายุ 1 วัน โดยมีญาติพี่น้อง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และแขกผู้มีเกียรติร่วมงานจำนวนมาก พร้อมด้วยนายแพทย์ธีรพงศ์ ตุนาค รอง ผอ.รพ.ระยอง และเจ้าหน้าที่ร่วมในพิธีผู้เสียชีวิต เนื่องจากการคลอดลูกตายทั้งแม่และลูก และจะทำการฌาปนกิจที่วัดเขาพัง หมู่ 3 ต.ห้วยทับมอญ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง
จึงรุดไปตรวจสอบ ซึ่งในงานได้มีนายสมพร พันธุ์เฉลิมชัย นายก อบต.ห้วยทับมอญ มาเป็นประธานในพิธี และนายพงษ์ศักดิ์ คงคารัตน์ ปลัดฝ่ายป้องกันอำเภอเขาชะเมา นพ.ธีรพงศ์ ตุนาค รอง ผอ.โรงพยาบาลระยอง และชาวบ้านมาร่วมงานอย่างคับคั่ง บรรยากาศในงานเป็นไปอย่างโศกเศร้า ซึ่งผู้เสียชีวิตคือ น.ส.อัญชลี กลิ้งรัมย์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 ม.3 ต.ห้วยทับมอญ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง และ ด.ช.ธีรธร ประสงค์ทรัพย์ อายุ 1 วัน ซึ่งเป็นลูกที่เสียชีวิตในท้อง
นายธนากรณ์ ประสงค์ทรัพย์ อายุ 31 ปี สามี น.ส.อัญชลี กลิ้งรัมย์ และ ด.ช.ธีรธร ประสงค์ทรัพย์ อายุ 1 วัน ลูกชาย ที่ต้องสูญเสียทั้งภรรยา และลูกชาย เปิดเผยว่า ตนและภรรยา (ผู้ตาย) ทำงานที่เต็นท์รถมือสองที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ภรรยาเป็นคนรูปร่างอ้วน น้ำหนัก 114 กก.มีโรคเบาหวาน ตั้งครรภ์ 7 เดือนเศษ ก่อนหน้าที่จะเสียชีวิตเหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภรรยามีอาการแน่นหน้าอก และอาเจียน จึงพาภรรยาไปพบแพทย์ที่ รพ.บ้านค่าย ตรวจอาการ แพทย์ได้ตรวจการเต้นของหัวใจของเด็กในครรภ์อยู่ที่ 60 แพทย์บอกว่า ภรรยามีความดันต่ำ และมีภาวะเบาหวานแทรกซ้อนต้องส่งตัวเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลระยอง เมื่อเวลา 13.30 น.วันเดียวกัน
แพทย์ได้ตรวจอาการ และแจ้งว่า เด็กที่อยู่ในครรภ์ได้เสียชีวิตก่อนจะมาถึงโรงพยาบาลระยอง จึงพูดกับพยาบาลที่ดูแลให้ช่วยดูแลแม่เด็กให้ดีที่สุด หลังแพทย์ตรวจดูอาการ และแจ้งว่าอาการของภรรยาความดันโลหิตยังสวิงอยู่ จึงส่งไปที่แผนกอายุรกรรม และถ่ายออกมาเป็นเลือด ขณะนอนรักษาตัวอยู่เจ้าหน้าที่มาเปลี่ยนเครื่องออกซิเจนตลอดเวลา เพราะเครื่องออกซิเจนมีปัญหาถึง 2 ครั้ง อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ที่ 140 ออกซิเจนอยู่ที่ 90 และลงมาที่ 70 อาการเต้นของหัวใจก็เริ่มสูงขึ้น ภาวะความดันโลหิตอยู่ที่ 125 กับ 85 ความดันโลหิตเริ่มขึ้น และมีเลือดไหลออกทางช่องคลอดมากขึ้นเรื่อยๆ
สอบถามพยาบาลก็ได้รับคำตอบว่า ยังปกติอยู่ แต่มีเลือดไหลออกทางช่องคลอดมากขึ้น และปวดท้อง แต่พยาบาลก็ยังพูดว่าไม่เป็นอะไร ภรรยาเริ่มมีอาการเจ็บท้องมากขึ้น พยาบาลได้บอกว่าเป็นการเจ็บท้องใกล้จะคลอด และบอกให้ออกแรงเบ่งเพื่อที่จะให้ลูกที่เสียชีวิตอยู่ในครรภ์คลอดออกมา จนทำให้เสียเลือดมากแต่ในที่สุดได้คลอดลูกที่เสียชีวิตออกมาได้ แต่เนื่องจากภรรยาเสียเลือดมากจึงเกิดอาการช็อก และเสียชีวิตท่ามกลางความเสียใจ
ด้าน นพ.ธีรพงศ์ ตุนาค รอง ผอ.โรงพยาบาลระยอง กล่าวว่า การเสียชีวิตของ น.ส.อัญชลี กลิ้งรัมย์ อายุ 31 ปี รายนี้ สาเหตุจริงๆ ทางโรงพยาบาลยังไม่ทราบเรื่อง ถ้าจะให้รู้สาเหตุที่แน่ชัดต้องนำศพของ น.ส.อัญชลี กลิ้งรัมย์ ไปผ่าศพถึงจะทราบว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แต่ทางญาติไม่ต้องการที่จะให้ผ่าศพ คาดว่าสาเหตุการเสียชีวิตน่าจะมี 2 ประเด็น คือ เรื่องสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปอุดตันทางเดินหายใจ
จากการเช็กประวัติผู้ตายก่อนเข้าโรงพยาบาลบ้านค่าย ได้รับประทานอาหาร และเกิดอุบัติเหตุล้ม และได้นำตัวส่งโรงพยาบาลบ้านค่าย และทางโรงพยาบาลบ้านค่าย ได้ช่วยเอาสิ่งแปลกปลอมออกซึ่งเห็นได้ชัดคือ เป็นถั่วงอก และได้ใช้สายยางดูดถั่วงอกออกมา และใส่ท่อช่วยหายใจ แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้นจึงส่งตัวมารักษาที่ รพ.ระยอง
จากการดูใบส่งตัวมาจาก รพ.บ้านค่าย คนไข้มีอาการหนักใส่เครื่องช่วยหายใจ แต่ก็ยังมีความดันเลือดอยู่ เมื่อมาถึง รพ.ระยอง สภาพร่างกายใบหน้า แขนเขียวหมดแล้ว ส่วนลูกในครรภ์ตรวจแล้วไม่มีอาการดิ้น จึงใช้เครื่องมือพิเศษฟังอัตราการเต้นหัวใจของเด็กในครรภ์หยุดเต้นแล้ว
นพ.ธีรพงศ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ 2 คือ ภาวะที่มีลิ่มเลือดไปอุดตันปอด เนื่องจากคนไข้มีภาวะเสี่ยงหลายอย่าง คือ โรคเบาหวาน โรคอ้วน สองสาเหตุนี้เป็นสิ่งสำคัญอาจจะมีลิ่มเลือดเกิดที่หลอดเลือด และสามารถไปได้ทุกที่ในร่างกาย ในกรณีนี้เป็นภาวะฉุกเฉินมาก และฉับพลัน อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ลิ่มเลือดไปอุดตันที่ปอด และทำให้คนไข้นั้นขาดอากาศหายใจได้หรือเสียชีวิตได้
ถ้าประเมินก็น่าจะเกิดจาก 2 ประเด็นนี้ สาเหตุอื่น เช่น ร่างกายอ้วน คนไข้นั้นมีน้ำหนักเยอะ มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ก็อาจเป็นสาเหตุที่ช่วยทำให้อาการแย่หนักลงไป ส่วนกรณีที่ญาติผู้เสียชีวิตเรียกร้องให้หมอผ่าตัดเอาลูกในครรภ์ที่เสียชีวิตแล้วออก แต่ไม่ได้รับความสนใจนั้นหมอจะไม่ผ่าทารกที่เสียชีวิตในครรภ์ออกเป็นเรื่องปกติตามมาตรฐานของเราจะให้คลอดตามธรรมชาติ หรืออาจใช้ยาช่วยทำให้มดลูกบีบตัวขับเด็กออกมา การผ่าตัดเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ประกอบกับคนไข้อยู่ในภาวะที่ขาดอากาศหายใจ เนื้อตัวเขียว จะใช้ยาดมสลบค่อนข้างเสี่ยงมาก ในทางวิธีการแพทย์จะไม่ผ่าเอาเด็กออก จะต้องช่วยชีวิตแม่เด็กไว้ก่อน
สาเหตุที่แม่เด็กเสียชีวิตไม่ใช่เสียเลือดมาก แต่เสียชีวิตจากขาดอากาศหายใจ ซึ่งทาง รพ.ระยอง รู้สึกเสียใจ และเดินทางมาร่วมในพิธีฌาปนกิจศพ ส่วนญาติที่ไม่พอใจคำพูดของเจ้าหน้าที่พยาบาลแผนกห้องคลอดที่ใช้คำพูดพูดจาไม่น่าฟังมาพูดกับคนไข้ เรื่องนี้ นพ.ธีรพงศ์ กล่าวว่า เราก็พยายามทำให้ดีขึ้น และสามารถแจ้งได้ที่เบอร์โทร.08-3014-0690 หากมีการร้องเรียนเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่พยาบาลพูดจาไม่สุภาพแก่คนไข้