นครสวรรค์ - สองเขื่อนใหญ่ของภาคเหนือ ทั้งเขื่อนภูมิพล-เขื่อนสิริกิติ์เริ่มแห้ง ปล่อยน้ำได้แค่ 26-32% ตามลำดับ ทำปากน้ำโพแล้งเร็ว ชลประทานฯ ต้องระดมเครื่องสูบน้ำเกือบครึ่งร้อยรับมือ พร้อมเตือนชาวนาอย่าฝืนทำนาปรังเด็ดขาด ขณะที่เกษตรกรไม่สนลงทุนจ้างเจาะบาดาลลุยทำนาต่อ
นายปรีชา ทองคำ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดนครสวรรค์ว่า นครสวรรค์รับน้ำอยู่ 2 เขื่อน คือ เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลตอนนี้มีอยู่ 47% ของความจุน้ำในเขื่อนทั้งหมด ปล่อยน้ำมาได้เพียงแค่ 26% ส่วนเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำอยู่ 53% ของความจุน้ำในเขื่อน จะสามารถปล่อยน้ำออกมาใช้ได้แค่ 32% เท่านั่น
ดังนั้น เชื่อว่าพื้นที่การเกษตรส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบมากขึ้นเรื่อยๆ และได้รับการร้องขอจากกรมชลประทานจังหวัดนครสวรรค์วิงวอนให้ชาวนาทุกพื้นที่หยุดทำนาปรังเพื่อไม่ให้มีผลกระทบรุนแรงหนัก หากฝ่าฝืนทำนาปรังแล้วเกิดแล้งไม่มีน้ำทำนา ทางหน่วยงานราชการจะไม่มีเงินช่วยเหลือใดๆ
ด้านนายมนัส เนียมประยูร หัวหน้าหมวดปฏิบัติการเคลื่อนที่เครื่องจักรกลสูบน้ำ โครงการชลประทานจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวว่า ได้นำเครื่องสูบน้ำไปจัดตั้งตามที่ได้รับการร้องขอมาจากหน่วยงาน และ อบต.เตรียมรับมือภัยแล้งอย่างเต็มที่ โดยติดตั้งที่ อบต.บ้านแก่ง 11 เครื่อง, อบต.เขาดิน 8 เครื่อง, อบต.นครสวรรค์ตก 2 เครื่อง, อบต.กลางแดด 1 เครื่อง และเครื่องสูบลำเรือขนาดใหญ่ ต.พิกุล อ.ชุมแสง 4 ลำ
นอกจากนี้ยังมีเครื่องสูบน้ำขนาด 12 นิ้ว อีก 18 เครื่อง ที่เตรียมไว้รองรับสถานการณ์ภัยแล้งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ขาดเพียงรถเครนขนาดใหญ่ที่จะบรรทุกเครื่องสูบน้ำไปติดตั้งในสถานที่ที่ได้รับการร้องขอมาเพราะยังขาดการสนับสนุนในด้านนี้อยู่
ขณะที่เกษตรกรพื้นที่นครสวรรค์ต้องจ้างคนงานเจาะบ่อบาดาลรับมือภัยแล้งกันแล้ว โดยนางกฤติยา ไทยมา ชาวบ้านตำบลหนองกระโดน อ.เมืองนครสวรรค์ บอกว่า ขณะนี้ภัยแล้งในพื้นที่ส่อเค้าว่าจะรุนแรงอย่างหนัก คลองสาธารณะแห้งขอดไม่มีน้ำเร็วกว่าทุกปี ทำให้พื้นที่การเกษตรโดยเฉพาะนาข้าวขาดแคลนน้ำ ต้องลงทุนจ้างคนงานมาขุดเจาะบ่อบาดาลไว้สำหรับทำนาปรังรอบต่อไป ในขณะเดียวกันก็จะเตรียมพร้อมสำหรับใช้ในครัวเรือน ถึงแม้ว่าจะต้องลงทุนเพิ่มเป็นจำนวนเงินหลายพันบาทก็ตาม
