กาญจนบุรี - หลานสาว “กฤษดา ไชยแค” มือระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ที่เวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา เผย “กฤษดา” แค่อาศัยทะเบียนบ้านที่ ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี อยู่เท่านั้น แต่มีอาชีพกุ๊กอยู่ที่ร้านอาหารย่านบางบัวทอง นนทบุรี
ความคืบหน้ากรณีเมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ที่เวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จนเป็นเหตุทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโดยรอบพบกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุเอาไว้ได้ ทราบชื่อผู้ก่อเหตุภายหลังคือ นายกฤษดา ไชยแค อายุ 43 ปี ภูมิลำเนาตามทะเบียนราษฎรอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 660/5 หมู่ 5 ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
ล่าสุด เวลา 14.30 น. วันนี้ (22 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าว พบเป็นบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ภายในหมู่บ้านทานตะวัน บริเวณบ้านมีเสื้อผ้าตากอยู่เต็มไปหมด ประตูหน้าบ้านเป็นประตูเหล็กถูกปิดเอาไว้ ภายในบ้านมี น.ส.ตั๊ก (นามสมมติ) อายุ 28 ปี อาศัยอยู่กับลูกสาว อายุประมาณ 2 เดือน และเด็กชายอายุประมาณ 7 ปี
น.ส.ตั๊ก เปิดเผยว่า บ้านหลังนี้อาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมด 6 คน ส่วนนายกฤษดา ซึ่งเป็นอาแท้ๆ ของตนไม่ได้อาศัยอยู่บ้านหลังนี้ เพียงแค่ย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้เท่านั้น และตลอดระยะเวลาประมาณ 2 ปีที่ย้ายเข้ามา อาของตนไม่เคยมานอนพักค้างคืนที่บ้านหลังนี้เลย นานๆ ครั้งจึงจะเดินทางกลับมาเยี่ยม เท่าที่ทราบอาของตนมีอาชีพเป็นพ่อครัวตามโรงแรม และร้านอาหารในเขตบางบัวทอง แต่ไม่ทราบว่าทำอยู่ที่ใด ส่วนสาเหตุที่ตนเรียกว่าอา เนื่องจากพ่อของอาเป็นน้องชายของปู่ เดิมทีอากฤษดา มีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน
“ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าอา จะไปก่อเหตุดังกล่าว เพราะปกติอาจะเป็นคนที่มีนิสัยเรียบร้อย หลังเกิดเหตุก็ยังดูคลิปที่ทีวีนำมาเสนอข่าว แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นอา เพราะเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บช.น.มาพบที่บ้าน แต่ก็มาสอบถามข้อมูลเท่านั้น
จนกระทั่งคืนที่ผ่านมา ได้ดูข่าวทางทีวี และมีการนำภาพใบหน้าของมือปาระเบิดเผยแพร่ทางทีวี และระบุชื่อ นามสกุลด้วย จึงรู้ว่าเป็นอา ล่าสุด ประมาณปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา อากฤษดา ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาหาที่บ้าน เพียงแค่สอบถามความเป็นอยู่เท่านั้น ไม่นานนักก็ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับไป และไม่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องปาระเบิดให้ใครฟัง แต่อย่างไรก็ตาม หากอาไม่ได้ทำตามที่เป็นข่าวก็ขอให้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะทุกคนต่างเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย”