ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือจัดเครื่องบิน 4 ลำออกทำฝนแล้ว ทั้งแก้ปัญหาหมอกควันและบรรเทาภัยแล้ง หลังพบ “ลำปาง-แพร่” ค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานเข้าขั้นวิกฤตกระทบสุขภาพ ส่วนที่ “อุตรดิตถ์-สุโขทัย” ขาดแคลนน้ำ ขณะที่อีกหลายจังหวัดร้องขอ ชี้ช่วง 16-20 ก.พ. 57 สภาพเหมาะมีโอกาสสูงทำฝนสำเร็จ
ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือแจ้งว่า ตามที่ในพื้นที่ภาคเหนือประสบภาวะฝนแล้งและปัญหาหมอกควันในช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย.ของทุกปี กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้รับอนุมัติหลักการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 57 เป็นต้นไปที่กองบินเกษตร จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งพร้อมเคลื่อนที่ไปทำฝนในพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงต่างๆ จัดชุดเฝ้าระวังอยู่ในพื้นที่ต่างๆ โดยจะทำการติดตามสถานการณ์ความเดือดร้อนต้องการฝนของประชาชนในจังหวัดที่รับผิดชอบและวิเคราะห์อากาศเพื่อการทำฝนหลวงทุกวัน
ทั้งนี้ จากการดำเนินการของชุดเฝ้าระวังของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ทำให้ทราบว่าขณะนี้คุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือมีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศจากภาวะหมอกควันเกินค่ามาตรฐานเข้าสู่ระดับวิกฤตแล้ว 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดลำปาง และจังหวัดแพร่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ประกอบกับมีภัยพิบัติภัยแล้ง 2 จังหวัด ได้แก่ อำเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอกงไกรลาศ กับอำเภอบ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย ตลอดจนมีหลายจังหวัดที่ร้องขอให้ปฏิบัติการฝนหลวง ได้แก่ ลำปาง ลำพูน ตาก น่าน และเชียงราย
โดยจากการวิเคราะห์อากาศเพื่อการทำฝนหลวงของชุดเฝ้าระวัง พบว่ามีโอกาสที่จะสามารถทำฝนหลวงได้ในช่วงวันที่ 16-20 ก.พ. 57 ทางศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือจึงได้ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วออกปฏิบัติการทำฝนหลวง โดยใช้เครื่องบินแบบคาราแวน ขนาดบรรทุก 800 กิโลกรัม/เที่ยวบิน จำนวน 4 ลำ เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ. 57 เป็นต้นไป
ซึ่งช่วงนี้จังหวัดเชียงใหม่กำลังอยู่ระหว่างการเก็บเกี่ยวหอม กระเทียม และสตรอว์เบอร์รี จึงมีการประสานกับทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรับทราบข้อมูลพื้นที่เก็บเกี่ยว ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการทำฝนในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากน้ำฝนต่อไป