ศูนย์ข่าวศรีราชา - ทุกข์ซ้ำชาวนาเมืองแปดริ้ว ไม่ได้รับเงินในโครงการรับจำนำข้าวนาน 5 เดือน และยังต้องวิตกกังวลเรื่องข้าวรอบใหม่ที่กำลังจะออก รวมทั้งเผชิญปัญหาน้ำขาดแคลน
ผู้สื่อข่าวยังคงรายงานความทุกข์ร้อนของชาวนาในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ในวันนี้ (14 ก.พ.) ชาวนาส่วนใหญ่ยังคงตั้งตารอคอยความหวังที่จะได้รับเงินค่าข้าว หลังนำไปจำนำในโครงการรับจำนำของรัฐบาล ซึ่งแม้จะผ่านมานานกว่า 5 เดือนที่ยังไม่ได้รับเงิน ก็ยังต้องกังวลกับปัญหาใหม่เกี่ยวกับข้าวในแปลงนารอบใหม่ที่กำลังออกรวง และพร้อมเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในต้นเดือนหน้า (มี.ค.) ว่าจะเป็นเช่นไร
นางบุญเทียม มังคละศิริ อายุ 58 ปี ชาว ต.บางคา อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า แม้ตนได้รับเงินค่าจำนำข้าวแล้วบางส่วนจากค่าข้าวที่จำนำไว้ทั้งหมด 5 แสนบาทเศษ แต่ขณะนี้ก็ยังมีชาวนาบางคนที่ยังไม่ได้รับเงินในโครงการรับจำนำของรัฐบาล
ซึ่งตนเชื่อว่าคนที่ได้เงินจำนำข้าวครบแล้ว คือ กลุ่มชาวนาที่นำข้าวเข้าโครงการรับจำนำในรอบเดือน ต.ค.2556 ส่วนชาวนาที่นำข้าวเข้าโครงการในรอบเดือน ก.ย.2556 คือ กลุ่มคนที่ยังไม่ได้เงิน จึงฝากถามไปยังรัฐบาลว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
“ได้ยินมาจาก ธ.ก.ส. ว่า เงินในรอบของเดือน ก.ย.2556 หมดไปแล้ว ฉันทำนารวม 70 ไร่ ได้ข้าวเกือบ 50 เกวียน คิดเป็นเงินจำนวน 5 แสนกว่าบาท และตอนนี้ได้เงินมาแล้ว 3 แสนบาทเศษที่ยังคงเหลืออีก 2.4 แสนบาทก็อยากจะให้รัฐบาลรู้ว่าเราอยากได้เงินของเราคืน ตอนนี้แม้จะไม่ถึงกับเครียดถึงขั้นฆ่าตัวตายแต่ก็ต้องทำใจว่าหลังจากนี้อนาคตก็คงต้องอยู่กับคำว่ารอคอยเท่านั้น”
นางบุญเทียม ยังบอกอีกว่า ที่ผ่านมาก็ได้แต่เฝ้าติดตามข่าวจากทางรัฐบาลผ่านทางสื่อต่างๆ โดยไม่รู้ว่าจะเรียกร้องเงินคืนอย่างไร ส่วนการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มชาวนาในกรุงเทพฯ นั้น แม้อยากไปแต่ก็ติดปัญหาสุขภาพ และเกรงว่าอาจล้มป่วยระหว่างการชุมนุมจากสภาพอากาศร้อน โดยที่ผ่านมา ชาวนาในพื้นที่ยังไม่มีใครออกไปเคลื่อนไหวในกรุงเทพฯ มีเพียงการเคลื่อนไหวในตัวจังหวัดผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดเท่านั้น
ด้านนางฉลวย ใบบาง อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 ม.7 ต.บางกระเจ็ด อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.2556 ถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับเงินค่าข้าวที่นำเข้าในโครงการของรัฐบาลเช่นเดียวกับชาวนารายอื่น ขณะที่ข้าวในแปลงนารอบใหม่ที่เพิ่งไถหว่านได้ประมาณ 2 เดือนเศษ ก็กำลังจะแห้งตาย เนื่องจากน้ำในคลองทุกแห้งหมดจนไม่มีน้ำให้สูบขึ้นมาหล่อเลี้ยงต้นข้าวในนา
โดยพื้นที่แถบนี้เคยถูกน้ำท่วมอย่างหนักในช่วงปลายปีก่อน และยังเป็นเขตพื้นที่ใต้อ่างเก็บน้ำคลองระบม และอ่างเก็บน้ำสียัด แต่กลับไม่มีการปล่อยน้ำช่วยชาวนา