ตาก - ไทย-พม่าเปิดโครงการการป้องกันและควบคุมไฟป่าและหมอกควัน 2 แผ่นดินรณรงค์ป้องกันไฟป่าและหมอกควัน พร้อมดูสภาพพื้นที่ชายแดนเพื่อเตรียมเปิดจุดผ่อนปรนชายแดนที่บริเวณบ้านวาเลย์เหนือฝั่งไทยกับบ้านวาเลย์ใหม่ฝั่งพม่า เพื่อเปิดให้เป็นจุดข้ามแดนให้ประชาชนไปมาหาสู่กัน ใช้วิถีชีวิตร่วมกันอีกด้วย
วันนี้ (13 ก.พ.) นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก นายอูเต้เหว่โต้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเมียวดี ของพม่า ได้เดินทางมาเป็นประธานร่วมในโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับสหภาพพม่า โครงการการป้องกันและควบคุมไฟป่าและหมอกควัน 2 แผ่นดิน ที่บริเวณบ้านวาเลย์เหนือ ต.วาเลย์ อ.พบพระ จ.ตาก ตรงข้ามบ้านวาเลย์ใหม่ อ.วาเลย์ใหม่ จ.เมียวดี ของพม่า
โดยมีหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ของทั้งฝั่งไทยและพม่ามาร่วมพิธีจำนวนมาก เช่น พ.อ.เทอดศักดิ์ งามสนอง ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 แม่สอด พ.ต.อ.ดร.พงษ์นคร นครสันติภาพ ผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก (ด่านแม่สอด) นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ นายด่านศุลกากรแม่สอด ผู้แทนหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 แม่สอด นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอพบพระ ร.ท.เฉลิม บุญพรวงศ์ นายก อบต.วาเลย์ หน่วยงานควบคุมไฟป่า สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตาก รวมทั้งประชาชนชาวไทยและพม่าในท้องถิ่นเดินทางมาร่วมงานจำนวนนับพันคน
นอกจากจะมีการประสานความร่วมมือในการรณรงค์ป้องกันไฟป่าและหมอกควันแล้ว ยังมีการไปดูสภาพพื้นที่ชายแดนเพื่อเตรียมเปิดจุดผ่อนปรนชายแดนที่บริเวณบ้านวาเลย์เหนือฝั่งไทยกับบ้านวาเลย์ใหม่ฝั่งพม่า เพื่อเปิดให้เป็นจุดข้ามแดนให้ประชาชนไปมาหาสู่กัน ใช้วิถีชีวิตร่วมกันอีกด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ปัญหาไฟป่าและหมอกควันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนไทย-พม่าด้านจังหวัดตากกับ จ.เมียวดี ต่อเนื่อง ทำให้ทั้งสองฝั่งได้มีการประสานงานกันและร่วมมือในการรณรงค์ควบคุม-ป้องกัน ประกอบกับบริเวณชายแดนจุดนี้กำลังจะมีการเปิดจุดผ่อนปรนชายแดนเพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้มีการข้ามไปมาหาสู่กัน สร้างสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกัน จึงใช้พื้นที่ชายแดนบ้านวาเลย์เหนือ (ฝั่งไทย) กับบ้านวาเลย์ใหม่ (ฝั่งพม่า) นำร่องเป็นจุดป้องกันควบคุมไฟป่าและหมอกควัน ทั้งด้านการประชาสัมพันธ์ การป้องปรามและดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ทางด้านนายอุดมศักดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าแม่สอด ชายแดนไทย-พม่า อ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวถึงสถานการณ์ไฟป่าในช่วงฤดูแล้งปี 2557 ว่า ขณะนี้ยังไม่เกิดไฟป่าเผาไหม้ในช่วงเวลานี้ แต่ได้เกิดปัญหาเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้ทำการจุดไฟเผาไร่อ้อยหลังเก็บเกี่ยวส่งโรงงาน ทำให้เริ่มเกิดหมอกควันจากควันไฟไร่อ้อยปกคลุมไปทั่วบริเวณ อ.แม่สอด และพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า เพราะได้มีการจุดไฟเผาจำนวนมาก ซึ่งต้องมีการประสานกับฝ่ายปกครองของอำเภอในพื้นที่ชายแดนในการช่วยกันรณรงค์และป้องกันการเผาไร่อ้อยโดยให้มีการฝังกลบแทน แต่ก็ต้องพบกับปัญหาที่เกษตรกรต้องใช้ต้นทุนในการฝังกลบสูงกว่าการเผา
ทั้งนี้ หากมีการจุดไฟเผาไร่อ้อยต่อไปจะทำให้เกิดหมอกควันไฟเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบต่อมลภาวะเป็นพิษในอากาศ โรคระบบทางเดินหายใจ และระบบการเดินทางโดยเครื่องบิน ฯลฯ จึงต้องเร่งระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการประชุมหารือวางแนวทางและมาตรการป้องกันและแก้ไข