xs
xsm
sm
md
lg

ชาวนาพิจิตรประกาศขายควายยกคอก หาเงินใช้หนี้หลังรัฐเบี้ยวจ่ายจำนำข้าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พิจิตร - ชาวนาเมืองชาละวันประกาศขายควายคู่ทุกข์คู่ยากยกคอก หาเงินใช้หนี้ค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ค่ารถไถ รถเกี่ยวข้าว หลังขนข้าวเข้าจำนำกับรัฐบาลปูกว่า 10 ตันตั้งแต่ตุลาคม 56 วันนี้ยังไม่ได้เงิน เจ้าหนี้ตามทวงไม่เว้นวัน จนขอคิดดอกร้อยละ 2 ต่อเดือน ไม่รวมหนี้ ธ.ก.ส.อีกบาน

ขณะที่ชาวนาทั่วประเทศกว่า 1 ล้านครอบครัวกำลังเดือดร้อน หลังนำข้าวเข้าโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ฤดูการผลิตปี 56/57 ตั้งแต่ 1 ต.ค. 56 จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินกันเป็นส่วนใหญ่ จนต้องพากันชุมนุมประท้วงทวงเงินกันอย่างต่อเนื่องนั้น

นางโสภา รอดเขียว อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/1 บ้านกระดังเง้า หมู่ 9 ต.บ้านนา อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร ก็เป็นหนึ่งในชาวนาที่กำลังประสบปัญหาที่ไม่ได้รับเงินจำนำข้าวจากรัฐบาล ทั้งที่ขนข้าวเข้าโครงการจำนำข้าวตั้งแต่เดือนตุลาคม 56 รวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว ขณะที่ภาระหนี้สิน-ดอกเบี้ยพอกพูนขึ้นตลอดเวลา

นางโสภาเล่าถึงความเดือดร้อนของชีวิตชาวนาที่ฝากความหวังไว้กับโครงการรับจำนำข้าวตันละ 15,000 บาทของรัฐบาลว่า เธอเป็นแม่หม้าย สามีตายเมื่อ 3 ปีก่อน เลี้ยงชีพด้วยการทำนา 15 ไร่ เป็นนาเช่า 5 ไร่ ฤดูกาลที่แล้วเจ้าของนาคิดค่าเช่าเป็นข้าวเปลือก 70 ถัง เธอเก็บไว้สีเป็นข้าวสารกิน 1 เกวียน ที่เหลือนอกนั้นก็ใส่รถบรรทุกไปเข้าโครงการรับจำนำข้าวหมด

โดยส่งมอบข้าวให้ที่โรงสีไทรงามไรซ์นิว 2010 ซึ่งเป็นโรงสีที่เข้าร่วมโครงการตั้งแต่เดือนตุลาคม 56 ครั้งแรกจำนำข้าวเปลือก 2,641 กก. เป็นเงิน 39,089 บาท เกี่ยวข้าวครั้งที่ 2 จำนำข้าวเปลือกอีก 7,832 กก. เป็นเงิน 140,992 บาท รวมปริมาณทั้งหมด 10,473 กก. เป็นเงินทั้งสิ้น 180,074 บาท

“นับจำนวนวันจนถึงวันนี้นานกว่า 4 เดือนแล้วก็ยังไม่ได้เงิน ไปทวงถาม ธ.ก.ส.วชิรบารมีก็บอกว่ามีเงินโอนมาเพียงเล็กน้อย ยังไม่ถึงคิว ตอนนี้อยากไปร่วมชุมนุมทวงเงินเหมือนกัน แต่ก็ติดด้วยต้องเลี้ยงหลาน ซึ่งเป็นลูกของลูกสาวที่ทุกวันนี้ไปทำงานรับจ้างขายกาแฟที่ปั๊มน้ำมัน เพราะต้องดิ้นรนหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายให้คนในครอบครัวที่มีทั้งหมด 4 ชีวิต”

นางโสภาเล่าต่ออีกว่า ตอนนี้เป็นหนี้เป็นสิน ธ.ก.ส. ค่าเมล็ดพันธุ์ข้าว ค่ารถเกี่ยวข้าว ค่ารถไถนา รวมแล้วกว่า 1 แสนบาท เจ้าหนี้ค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ค่ารถเกี่ยวข้าว สลับสับเปลี่ยนกันมาทวงเงินทุกวันก็ไม่มีให้ ซึ่งเจ้าหนี้ก็เข้าใจและรู้ปัญหา แต่บอกว่าต้องขอคิดดอกเบี้ยร้อยละ 2 บาทต่อเดือน

“ทุกวันนี้จะกินอะไรก็ต้องซื้อเงินเชื่อกับร้านค้าของเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นหนี้แล้วกว่า 1 พันบาท เมื่อค่าแรงของลูกสาวออกเมื่อไหร่ก็จะนำมาจ่ายโดยไม่บิดพลิ้ว”

นางโสภาเล่าต่อไปว่า ตอนนี้มีสมบัติชิ้นสุดท้ายที่มีมูลค่าเกือบแสนบาทอยู่ก็คือ ควาย 4 ตัว เป็นควายตัวผู้ 1 ตัว อายุก็ไล่เลี่ยกับลูกชายที่อายุครบบวชไปแล้ว ซึ่งก็คาดว่าควายตัวนี้ก็คงจะอายุไม่น้อยกว่า 20 ปี นอกจากนี้ยังมีควายตัวเมียอีก 2 ตัว และลูกควายตัวผู้ที่เพิ่งคลอดออกมาอายุได้ประมาณ 1 เดือนเศษ

นางโสภาบอกว่า ที่เลี้ยงควายเอาไว้ก็เหมือนเป็นสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน พอสามีตายก็ไม่ได้ใช้ควายไถนา เพราะควายก็แก่ คนก็ชรา จึงเลี้ยงเอาไว้เพื่อให้แทะเล็มหญ้าหัวคันนา และเอาขี้ควายมาทำปุ๋ยเท่านั้น ซึ่งทำแบบนี้มาหลายปีแล้ว จึงมีความผูกพันกับควาย 4 ตัวนี้มาก แต่ตอนนี้กำลังลำบาก ไม่มีเงินจะซื้อข้าวกิน ไม่มีเงินซื้อนมให้หลาน จะลงทุนทำนารอบใหม่ก็ไม่มีเงิน จึงปรึกษาทุกคนในครอบครัวแล้วว่าจะต้องตัดใจขายควายคู่ทุกข์คู่ยากของชาวนาเอาเงินมาต่อทุน เลี้ยงดูครอบครัวกันก่อน

ซึ่งขณะพูดคุยกับผู้สื่อข่าว นางโสภาก็ยืนอยู่ห่างจากควายที่อยู่ใกล้กับกองฟางเพียงแค่ 4-5เมตร ก็พร่ำบอกว่า “แม่ต้องขอโทษ ตอนนี้แม่ยากจนจริงๆ เป็นหนี้เป็นสินเขารอบหมู่บ้าน แม่จำเป็นจะต้องขายพวกเอ็งเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ หากชาติหน้ามีจริงแม่จะขอชดใช้หนี้ชีวิตคืนให้พวกเอ็ง”

จากนั้นเธอก็จูงควายไปกินน้ำ ขณะนั้นดูเหมือนว่าควายตัวผู้ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกชายของเธอมีน้ำไหลออกมาจากตาด้วย จนเธอต้องบอกว่า “แม่จะไม่ขายเอ็งแล้ว หยุดร้องไห้เถอะ ลูกแม่”

นางโสภาวิงวอนอีกว่า ตอนนี้ลำบากที่สุดในชีวิตก็เพราะจำนำข้าวไม่ได้เงินมันเหมือนถูกโกง แต่เราเป็นชาวนาต้องรักษาสัจจะที่เป็นหนี้เป็นสินเขารอบหมู่บ้านนับแสนบาท ในเมื่อมีควายเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายก็จะต้องขายเอาไปใช้หนี้เขา แต่ใจก็ยังรักควายทุกตัวเหมือนลูก เพราะเลี้ยงเป็นเพื่อนเล่นคู่กับลูกชายตลอดมา

ดังนั้น วันนี้จึงวอนขอความเมตตาผู้ที่ใจบุญช่วยไถ่ชีวิตควายทั้ง 4 ตัวนี้ไว้ด้วยเถิด ซึ่งถ้าได้เงินมาตนก็ไม่ขายควายและสาบานว่าจะเลี้ยงควายทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ขายให้ใครตลอดชีวิต
กำลังโหลดความคิดเห็น