พิษณุโลก - เสื้อแดงพิษณุโลกกลับใจ เลิกเคลื่อนไหวร่วมพรรคเพื่อไทย-ก๊กแดง บอกผิดหวังกับระบอบแม้ว ทำ พท.กลายเป็นพรรคเพื่อใคร คอยฟังแต่คำสั่งดูไบ ยันสู้ร่วมกับเสื้อแดงมาตลอด แต่วันนี้ให้สู้เพื่อ “ทักษิณ” สู้ไม่ไหวแล้ว
วันนี้ (30 ม.ค.) นายกิตติพันธุ์ ยวนทอง แกนนำ นปช.พิษณุโลก หรือเสื้อแดงพิษณุโลก วัย 52 ปี ได้นัดนัดหมายสื่อมวลชนในจังหวัดพิษณุโลกที่ถนนวังจันทน์ หน้าศาลจังหวัดพิษณุโลก เพื่อเปิดใจถึงความรู้สึกที่มีต่อพรรคเพื่อไทย หลังเข้าฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น กรณีที่กลุ่ม นปช.พิษณุโลก รวมตัวก่อเหตุขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ไม่ให้ไปรักษาความสงบที่กรุงเทพฯ
นายกิตติพันธ์เปิดเผยว่า วันนี้ศาลชั้นต้นนัดตนมารับฟังคำพิพากษา คดีที่ขัดขวางเจ้าหน้าที่ไม่ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพฯ ที่หน้าค่าย ตชด.31 พิษณุโลก เมื่อปี 2553 ซึ่งเหลือตนต่อสู้คดีอยู่คนเดียวตามลำพัง และวันนี้ศาลก็ได้ตัดสินยกฟ้อง ส่วนจะมีการอุทธรณ์หรือไม่ตนก็ไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับอัยการจังหวัด
แต่ตนผิดหวังกับพรรคเพื่อไทย เพราะนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมาตนร่วมกิจกรรมกับกลุ่ม นปช.พิษณุโลกมาตลอดเพื่อต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย เป็นทั้งแกนนำ ลงทั้งเงิน ทั้งแรง
ร่วมกับเสื้อแดงพิษณุโลกทำกิจกรรมต่อต้านรัฐประหาร เรียกร้องประชาธิปไตย เมื่อปี 2553 ก็เป็นแกนนำร่วมกับ นปช.พิษณุโลก ขัดขวางเจ้าหน้าที่ที่หน้าค่าย ตชด.31 เพราะไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพฯ จนถูกส่งฟ้องดำเนินคดีต่อ นปช.พิษณุโลกอีกหลายคน
ในการต่อสู้คดีก่อนหน้านี้เคยมีอดีต ส.ส.มาช่วยประกันตัว แต่หลังจาก ส.ส.หมดสภาพตามรัฐธรรมนูญ ตนก็เรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยมาช่วยประกันตัวตน แต่เขาไม่มา และไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากพรรคเพื่อไทย กระทั่งศาลได้ตัดสินชั้นต้นยกฟ้องในวันนี้
“ผิดหวังกับพรรคเพื่อไทย ผิดหวังกับระบอบทักษิณ พรรคเพื่อไทยบอกว่าเรียกร้องประชาธิปไตย แต่พรรคกลับไม่ใช่พรรคประชาธิปไตย ไม่มีประชาธิปไตยในพื้นที่ เป็นพรรคที่รับคำสั่งโดยดูไบอย่างเดียว คำสั่งชี้เป็นชี้ตายทุกอย่าง ไม่ว่างบประมาณ ไม่ว่าอะไรทุกอย่าง จะมีกลุ่มของตระกูลชินวัตรอย่างเดียว”
นายกิตติพันธ์บอกว่า เราเล่นการเมือง เรียกร้องประชาธิปไตยมาตั้งแต่พลังธรรม ในฐานะที่ตนเป็น นปช.เพื่อร่วมเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ปรากฏว่าขณะนี้พรรคไม่เป็นประชาธิปไตย ความเป็นประชาธิปไตยไม่มี เป็นพรรคเพื่อใคร
นายกิตติพันธ์ย้ำว่า นปช.พิษณุโลกน่าสงสาร ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันดี ต่อสู้เรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยมาตลอด แต่ว่านักการเมืองกลับคอยฉกฉวยผลประโยชน์มากกว่า ประชาชนคนพิษณุโลกรักประชาธิปไตย นปช.พิษณุโลกอยากเห็นประเทศชาติอยู่ตรงกลาง ให้ฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวารักสามัคคีกัน
“ผมร่วมกับเสื้อแดงมาตลอด วันนี้อยากสู้ แต่สู้เพื่อทักษิณ ผมสู้ไม่ไหวแล้ว”
ผู้สื่อข่าวถามเหตุที่ผิดหวังเพราะพรรคเพื่อไทยไม่ได้เลือกเขาลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่พิษณุโลกใช่หรือไม่ นายกิตติพันธ์อ้างว่าไม่ใช่ แต่การรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พิษณุโลก นั้น จู่ๆ มีคนของพรรคเพื่อไทยมาลงสมัคร ส.ส. ซึ่งคนเสื้อแดง นปช.พิษณุโลกยังไม่รู้จักเลย แล้วอย่างนี้เรียกว่าพรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรคหรือไม่
“ไม่ใช่เพียงพิษณุโลกเขตเดียว ทั่วประเทศเป็นอย่างนี้หมด ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร อยู่ที่คนมีเงินไหม แล้วประชาชนมันจะมีประชาธิปไตยหรือไม่ เขาเห็นว่าเพื่อไทย เห็นว่ายิ่งลักษณ์ แค่นี้หรือ”
นายกิตติพันธ์เผยต่อว่า ตนสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยช่วงปี 2552 คงจะไปลาออกแล้ว ไม่อยากเห็นประชาชนแตกแยกกัน วันนี้ตนก็เป็นเสื้อแดง เป็น นปช. แต่เป็นเสื้อแดง เพื่อให้เป็นประชาธิปไตย ไม่ให้เป็นประชาธิปไตยเพื่อใคร คนแตกต่างทางความคิดได้ แต่ไม่แตกแยก ไม่ใช่ว่าคนคิดต่างไม่ใช่พวก
นายกิตติพันธ์บอกอีกว่า ทุกวันนี้ประชาชนคนไทยเสพสื่อเพียงข้างเดียว บางคนเอียงซ้ายตลอด บางคนเอียงขวาตลอด มันต้องเสพหลายๆ ข้าง ควรจะสลับฟังทั้งสองข้าง ทุกวันนี้บ้านเมืองแตกแยก ความเห็นต่าง ที่จริงแล้วเป็นประชาธิปไตย
“แต่ความเห็นต่าง แล้วไม่เคารพ ทะเลาะกัน ถึงฆ่ากันตาย มันคุ้มไหมครับ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าไม่เคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมกับเสื้อแดง แล้วจะร่วมกับกลุ่มเสื้อขาว หรือเสื้อเหลือง นายกิตติพันธ์ย้ำอีกว่า จะไม่อยู่ทั้งสองฝ่าย ขออยู่กลางๆ จะไม่ร่วมกิจกรรม นปช.เด็ดขาด และเตรียมไปลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย
“ผมเป็นเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่เสื้อแดงเพื่อใคร ผิดหวังกับระบบทักษิณ ปั้นมาด้วยมือ แต่ไม่ขอลบด้วยเท้า แม้กระทั่งช่วงรัฐประหารผมก็ไม่อยากพูด ผมทำอะไรให้ทักษิณ แต่ทักษิณไม่เคยช่วยอะไรผม เขาไม่เคยให้อะไรผม ผมดูแลตัวเองมาโดยตลอด”