ศูนย์ข่าวศรีราชา - ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคตะวันออก สรุปภาพรวมการลงทุนในภาคตะวันออกปี 2556 ยังเป็นการลงทุนในกิจการโครงการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะสำหรับยานยนต์ และส่วนประกอบรถยนต์เป็นหลัก โดย จ.ระยอง ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนมากสุด และมีเงินลงทุนมากถึง 3.46 แสนล้านบาท จากเม็ดเงินลงทุนรวมในภาคตะวันออกที่มีทั้งสิ้น 5.58 แสนล้านบาท รองลงมา คือ จ.ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และปราจีนบุรี
ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคตะวันออก สรุปภาวะการลงทุนภาคอุตสาหกรรมปี 2556 ว่า มีโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุน 742 โครงการ ลดลงจากปีก่อน 3.38% มูลค่าเงินลงทุนพิ่มขึ้น 56.38% คิดเป็นเม็ดเงินลงทุนประมาณ 5.58 แสนล้านบาท จ้างงาน 75,987 คน
ทั้งนี้ จ.ระยอง มีโครงการ และเงินลงทุนมากที่สุด คือ มี 316 โครงการ เงินลงทุน 3.46 แสนล้านบาท รองลงมาคือ จ.ชลบุรี มี 281 โครงการ เงินลงทุน 1.12 แสนล้านบาท จ.ปราจีนบุรี มี 74 โครงการ เงินลงทุน 6.7 หมื่นล้านบาท และ จ.ฉะเชิงเทรา มี 66 โครงการ เงินลงทุน 3.08 หมื่นล้านบาท
ประเภทกิจการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนในภาคตะวันออก มีทั้งเกษตรกรรม และผลิตผลการเกษตร เหมืองแร่ เซรามิก โลหะขั้นมูลฐาน อุตสาหกรรมเบา ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ กระดาษและพลาสติก บริการและสาธารณูปโภค
สำหรับประเภทกิจการ และจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดในภาคตะวันออก ยังคงเป็นอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง 311 โครงการ จาก 742 โครงการ
ส่วนโครงการที่มีเงินลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จ.ปราจีนบุรี กิจการผลิต Car Assembly เงินลงทุน 3.32 หมื่นล้านบาท จ้างงาน 3,979 คน
บริษัท ฟุรุควา-สกาย อลูมินัม (ประเทศไทย) จำกัด จ.ระยอง กิจการผลิต Aluminum Slab เงินลงทุน 1.97 หมื่นล้านบาท
บริษัท สยามโตโยต้าอุตสาหกรรม จำกัด จ.ชลบุรี กิจการ Diesel Engine เงินลงทุน 17,730.20 ล้านบาท จ้างงาน 1,178 คน
บริษัท อพอลโล ไทร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จ.ระยอง กิจการผลิต Radial Tire เงินลงทุน 1.47 หมื่นล้านบาท จ้างงาน 1,470 คน
MR. CHOICHI YUKI จ.ชลบุรี กิจการผลิต Automatic Transmission เงินลงทุน 1.12 หมื่นล้านบาท จ้างงาน 559 คน
โดยสรุปภาพรวมการลงทุนภาคตะวันออกปี 2556 ยังเป็นการลงทุนในกิจการโครงการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะสำหรับยานยนต์ และส่วนประกอบรถยนต์ รองลงมา ได้แก่ โครงการผลิตเคมีภัณฑ์ กระดาษ และพลาสติก และกิจการด้านบริการ เช่น การผลิตไฟฟ้า ลอจิสติกส์ และกิจการเขตอุตสาหกรรม การลงทุนในภาคตะวันออกกิจการตั้งอยู่ในเขตจังหวัดระยอง และชลบุรีเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุนในพื้นที่เนื่องจากมีความเหมาะสม ทั้งด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน การคมนาคมขนส่งสะดวก มีแรงงานที่มีศักยภาพ
ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคตะวันออก สรุปภาวะการลงทุนภาคอุตสาหกรรมปี 2556 ว่า มีโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุน 742 โครงการ ลดลงจากปีก่อน 3.38% มูลค่าเงินลงทุนพิ่มขึ้น 56.38% คิดเป็นเม็ดเงินลงทุนประมาณ 5.58 แสนล้านบาท จ้างงาน 75,987 คน
ทั้งนี้ จ.ระยอง มีโครงการ และเงินลงทุนมากที่สุด คือ มี 316 โครงการ เงินลงทุน 3.46 แสนล้านบาท รองลงมาคือ จ.ชลบุรี มี 281 โครงการ เงินลงทุน 1.12 แสนล้านบาท จ.ปราจีนบุรี มี 74 โครงการ เงินลงทุน 6.7 หมื่นล้านบาท และ จ.ฉะเชิงเทรา มี 66 โครงการ เงินลงทุน 3.08 หมื่นล้านบาท
ประเภทกิจการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนในภาคตะวันออก มีทั้งเกษตรกรรม และผลิตผลการเกษตร เหมืองแร่ เซรามิก โลหะขั้นมูลฐาน อุตสาหกรรมเบา ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ กระดาษและพลาสติก บริการและสาธารณูปโภค
สำหรับประเภทกิจการ และจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดในภาคตะวันออก ยังคงเป็นอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง 311 โครงการ จาก 742 โครงการ
ส่วนโครงการที่มีเงินลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จ.ปราจีนบุรี กิจการผลิต Car Assembly เงินลงทุน 3.32 หมื่นล้านบาท จ้างงาน 3,979 คน
บริษัท ฟุรุควา-สกาย อลูมินัม (ประเทศไทย) จำกัด จ.ระยอง กิจการผลิต Aluminum Slab เงินลงทุน 1.97 หมื่นล้านบาท
บริษัท สยามโตโยต้าอุตสาหกรรม จำกัด จ.ชลบุรี กิจการ Diesel Engine เงินลงทุน 17,730.20 ล้านบาท จ้างงาน 1,178 คน
บริษัท อพอลโล ไทร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จ.ระยอง กิจการผลิต Radial Tire เงินลงทุน 1.47 หมื่นล้านบาท จ้างงาน 1,470 คน
MR. CHOICHI YUKI จ.ชลบุรี กิจการผลิต Automatic Transmission เงินลงทุน 1.12 หมื่นล้านบาท จ้างงาน 559 คน
โดยสรุปภาพรวมการลงทุนภาคตะวันออกปี 2556 ยังเป็นการลงทุนในกิจการโครงการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะสำหรับยานยนต์ และส่วนประกอบรถยนต์ รองลงมา ได้แก่ โครงการผลิตเคมีภัณฑ์ กระดาษ และพลาสติก และกิจการด้านบริการ เช่น การผลิตไฟฟ้า ลอจิสติกส์ และกิจการเขตอุตสาหกรรม การลงทุนในภาคตะวันออกกิจการตั้งอยู่ในเขตจังหวัดระยอง และชลบุรีเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุนในพื้นที่เนื่องจากมีความเหมาะสม ทั้งด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน การคมนาคมขนส่งสะดวก มีแรงงานที่มีศักยภาพ
