นครพนม - อดีต ส.ส.ตบเท้าอวยพรบิ๊กจิ๋ว เจ้าตัวห่วงขัดแย้งสูงสุด วอนทุกฝ่ายเร่งหาทางออกเพื่อชาติ อวยพรปีใหม่ ให้ชาวไทยผ่านพ้นความขัดแย้ง พบความสงบสุข สันติ
วันนี้ (30 ธ.ค.) ที่บ้านพักริมโขง ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม นายไพจิต ศรีวรขาน อดีต ส.ส.นครพนม เขต 3 พรรคเพื่อไทย แชมป์ตลอดกาล เคยดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทน และรอง วิปรัฐบาล นำ นายชูกัน กุลวงษา อดีต ส.ส.นครพนม เขต 4 พรรคเพื่อไทย นายนิยม เวชกามา อดีต ส.ส.สกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย นายขจิตร ชัยนิคม อดีต ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย นายอรรถสิทธิ์ (คันคาย) ทรัพยสิทธิ์ อดีต ส.ส.นครพนม อดีตกลุ่ม ส.ส.บ้านเลขที่ 111 และนักการเมืองสายพรรคเพื่อไทย
รวมถึงผู้นำท้องถิ่น เข้าพบปะอวยพรปีใหม่ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2557 และพูดคุยขอรับคำแนะนำเกี่ยวกับทิศทางการแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศไทย เพื่อเป็นการหาทางออกที่ลงตัวร่วมกับฝ่ายการเมือง
พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยอมรับตนมีความกังวลเป็นห่วงมากไม่แตกต่างกับคนไทยทุกคนเกี่ยวกับปัญหาขัดแย้งในปัจจุบันของบ้านเมือง เพราะประเทศไทยเคยผ่านความขัดแย้งรุนแรงมาก่อน แต่ต้องกับมาเจอซ้ำอีก จนกลายเป็นประเทศที่ได้รับสมญานามในเรื่องไม่ดีมากมาย น่าเสียดายที่ทุกคนไม่ช่วยกันแก้ปัญหาปล่อยให้บานปลายมาถึงปัจจุบัน และมีความกังวลที่จะเกิดความขัดแย้งขั้นสูงสุด หากไม่เร่งรีบหาทางออก
ทั้งนี้ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นตนมองว่าเป็นปัญหาเรื่องเก่าๆ เรื่องเดิมที่มีมานานกว่า 20 ปี แต่ขาดความเข้าใจระหว่างฝ่ายการเมือง เพราะเราเข้าใจผิดมาตลอดว่าการศึกษาการเปลี่ยนแปลงจะต้องศึกษาหลังปี 2475 แต่ความจริงจะต้องศึกษาก่อนปี 2475 ขึ้นไป เช่นเดียวกันกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่เราพยายามหาจุดลงตัวนำไปสู่การสร้างประชาธิปไตย
แต่ความจริงเราต้องสร้างประชาธิปไตยก่อนรัฐธรรมนูญจึงจะประสบความสำเร็จ ทำให้เกิดปัญหาตลอดมา เพราะเคยเขียนไว้ถึง 18 ฉบับ ถึงฉบับที่ 19 ก็ไม่จบ ทำให้เสียเวลา
การเมืองไทยวันนี้มาถึงจุดขัดแย้งสูงสุด แต่ยังเชื่อว่ามีทางออก หากทุกคนนึกถึงความอยู่รอดของประเทศชาติบ้านเมือง ตอนนี้สิ่งสำคัญกว่าการเลือกตั้ง คือการหาทางพูดคุย ปรองดอง หาทางออกให้ประเทศชาติ เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ทุกคนจะต้องหันมาดูความอยู่รอดของประเทศไทยเสียก่อน หันมาทำเพื่อในหลวง เพื่อคนไทยทุกคน ให้เกิดความสงบสุข โดยใช้ประชาชนเป็นที่ตั้งในการหาทางออก
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าตนเคยเสนอมาหลายครั้ง แต่ไม่เกิดประโยชน์เต็มที่ เพราะการที่จะสร้างความสามัคคีได้จะต้องเกิดความร่วมมือจากหลายฝ่าย ไม่ใช่บุคคลหนึ่งคนใด แต่ต้องเป็นไปด้วยสันติวิธี ซึ่งหากไม่สามารถทำได้ตนห่วงว่าประเทศไทยจะแตกแยก บานปลาย ไม่อยากเห็นประเทศไทยย้อนยุค สุดท้ายเสียหายทั้งสองฝ่าย ไม่มีใครได้ประโยชน์ และประเทศชาติได้รับความเสียหาย