พบพฤติกรรม “หลินฮุ่ย” เปลี่ยน มีลุ้นตั้งท้อง เตรียมเดินหน้าอัลตราซาวนด์หาตัวอ่อน

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สวนสัตว์เชียงใหม่ เผยมีลุ้น “แพนด้าหลินฮุ่ย” ตั้งท้อง หลังพบพฤติกรรมเปลี่ยนหลายอย่างหลังการผสมเทียม ลักษณะเดียวกับครั้งได้ “หลินปิง” แจงครั้งหลินปิงตั้งท้อง 97 วัน เท่ากับเหลืออีก 15 วันให้รอลุ้น พร้อมระบุเตรียมนำหลินฮุ่ยอัลตราซาวนด์หาตัวอ่อนสัปดาห์หน้า

วันนี้ (21 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมอาคารสโมสรแพนด้า สวนสัตว์เชียงใหม่ นายฤทธิณรงค์ กุลประสูติ กรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย รักษาการผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เป็นประธานในการแถลงข่าวความคืบหน้าผลการผสมเทียมแพนด้าหลินฮุ่ย หลังจากที่ได้รับการผสมเทียมด้วยวิธีการใช้น้ำเชื้อสดที่รีดจากแพนด้าช่วงช่วง รวม 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 27 และ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเปิดเผยว่า มีโอกาสสูงที่แพนด้าหลินฮุ่ยจะตั้งท้อง เนื่องจากตั้งแต่ได้รับการผสมเทียมจนถึงปัจจุบัน แพนด้าหลินฮุ่ย มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปในหลายๆ ด้าน ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับเมื่อครั้งที่ตั้งท้องแพนดาหลินปิง

ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับเมื่อครั้งที่แพนด้าหลินฮุ่ยตั้งท้องแพนด้าหลินปิง ซึ่งใช้เวลาทั้งสิ้น 97 วัน ก่อนที่แพนด้าหลินปิงจะคลอดนั้น นับตั้งแต่ดำเนินการผสมเทียมจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 82 วันแล้ว ดังนั้น นับจากวันนี้ไปอีก 15 วัน จึงเป็นช่วงเวลาที่ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดว่าหลินฮุ่ยจะให้กำเนิดลูกแพนด้าตัวใหม่หรือไม่

ด้านสัตวแพทย์หญิงกรรณิการ์ จันทรังษี หัวหน้างานอนุรักษ์ ฝ่ายอนุรักษ์วิจัยและสุขภาพสัตว์ สวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตั้งแต่แพนด้าหลินฮุ่ย ได้รับการผสมเทียม พบว่ามีพฤติกรรมเก็บตัว และดื้อมากขึ้นกว่าเดิม โดยพฤติกรรมส่วนใหญ่มีลักษณะเดียวกับเมื่อครั้งตั้งท้องหลินปิง และต่างจากการผสมเทียมครั้งก่อนที่เป็นการตั้งท้องลม ขณะที่การตรวจหาตัวอ่อนนั้น พบว่าผนังมดลูกของหลินฮุ่ย หนาตัวขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความพร้อมในการรองรับการฝังตัวของตัวอ่อน อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบเจอตัวอ่อนแต่อย่างใด โดยในวันที่ 26 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ จะมีการนำหลินฮุ่ย มาตรวจอัลตราซาวนด์เพื่อหาตัวอ่อนต่อไป

สัตวแพทย์หญิงกรรณิการ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับการตั้งท้องของแพนด้าหลินฮุ่ย นั้น ได้แจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ของสาธารณรัฐประชาชนจีนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง โดยทางการจีน ได้แจ้งให้ทางไทยดำเนินการดูแลหลินฮุ่ย และติดตามความคืบหน้าของการตั้งท้องอย่างใกล้ชิดตามขั้นตอนต่างๆ พร้อมทั้งระบุว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยมีประสบการณ์ในเรื่องดังกล่าวมาแล้ว จึงมั่นใจว่าทางฝ่ายไทยจะสามารถดำเนินการในทุกด้านให้สำเร็จลุล่วงด้วยดีได้อย่างแน่นอน