บุรีรัมย์ - ผู้ตรวจสำนักนายกฯ ตรวจติดตามโครงการรับจำนำข้าวที่บุรีรัมย์ พบโรงสีหลายแห่งเงียบเหงา เกษตรกรชะลอนำข้าวมาจำนำเกรงไม่ได้รับเงิน พบเกษตรกรที่นำข้าวเข้าร่วมโครงการฯ กว่า 55,000 รายเดือดร้อนหนัก ได้รับเงินเพียง 940 ราย ด้านผู้ตรวจยันได้เงินแน่แต่ล่าช้า ชี้รัฐบาลถังแตกเร่งขายข้าวในสต๊อก 6 หมื่นล้าน
วันนี้ (17 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจิรายุ นันท์ธราธร ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี นำส่วนราชการที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2556/57 ที่โรงสีที่เข้าร่วมโครงการฯ ในเขตพื้นที่อำเภอลำปลายมาศ และอำเภอเมือง จ.บุรีรัมย์ หลังรัฐบาลได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร พบโรงสีหลายแห่งเงียบเหงา มีเกษตรกรนำข้าวมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำของรัฐบาลจำนวนน้อยผิดปกติ มีเพียงเกษตรกรบางส่วนที่นำข้าวมาขายให้โรงสีแทนเข้าร่วมโครงการจำนำเท่านั้น
จากข้อมูลพบว่า ตั้งแต่เปิดโครงการฯ จนถึงขณะนี้ ในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ได้มีเกษตรกรนำข้าวมาเข้าร่วมโครงการฯ แล้ว 55,564 ราย ปริมาณข้าว 200,659 ตัน ในจำนวนนี้ได้รับใบประทวนจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) แล้วกว่า 52,000 ราย และเกษตรกรได้นำไปยื่นขอขึ้นเงินที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้ว แต่จนถึงขณะนี้ได้รับเงินเพียงกว่า 940 ราย วงเงินกว่า 92 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนที่เหลือทาง ธ.ก.ส.ให้เกษตรกรลงทะเบียนไว้ก่อน เพื่อรอจนกว่ารัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณมา จึงจะทยอยจ่ายให้ตามลำดับเกษตรกรที่มาลงทะเบียนไว้ต่อไป
นายจิรายุ นันท์ธราธร ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า หลังจากรัฐบาลได้ประกาศยุบสภา ประกอบกับมีกระแสข่าวว่าเกษตรกรจะไม่ได้รับเงินในโครงการรับจำนำข้าว ทำให้เกษตรกรหลายพื้นที่ชะลอนำข้าวมาเข้าร่วมโครงการฯ เนื่องจากไม่มั่นใจ ซึ่งกรณีดังกล่าวยืนยันว่าเกษตรกรจะได้รับเงินตามจำนวนที่นำข้าวมาเข้าร่วมโครงการฯ แน่นอน เพราะขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการขายข้าวในสต๊อกกว่า 60,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาจ่ายให้เกษตรกรได้คลายความเดือดร้อน ซึ่งอาจได้รับเงินล่าช้าไปบ้าง เพราะในโครงการนี้รัฐบาลต้องใช้เงินมากกว่าแสนล้านบาท