พิจิตร - ชาวนาเมืองพิจิตร ทนไม่ไหวหลังรอเงินจากการจำนำข้าวมาหลายเดือน และไม่มีวี่แววว่าจะได้รับเมื่อใด เตรียมแจ้งความทั้งนายกฯ, รมว.พาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องฐานฉ้อโกงประชาชน พร้อมเตรียมชุมนุมก่อนสิ้นปีนี้
นายวิชัย ด่านรุ่งโรจน์ รองนายก อบจ.พิจิตร พร้อมด้วย นายกฤติกร ญาณฤทธิ์ “ทนายอ้วน” ตัวแทนจากสภาทนายความจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยชาวนากว่า 200 คน จากอำเภอโพทะเล ที่นำโดย นางทิวา อาสว่าง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตำบลทุ่งน้อย อำเออโพทะเล จังหวัดพิจิตร ซึ่งทำนา 140 ไร่ นายณัฐณรงค์ เอี่ยมมี บัณฑิตจากรั้วมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ผันตัวมาทำนาของครอบครัว จำนวน 70 ไร่ ที่ตำบลท่าบัว อ.โพทะเล และ นางบังอร อ่ำสุข ส.อบต.ท่าบัว ที่ทำนา 10 ไร่ ต่างคนต่างพาเพื่อนบ้านขึ้นรถกระบะ นั่งรถอีแต๋น บุกมายังศาลากลางจังหวัดพิจิตร เพื่อประท้วง และขอพบ นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เพื่อยื่นหนังสือผ่านถึงไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ รวมถึง อ.ต.ก. และ อคส. ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว
โดยหนังสือดังกล่าวมีข้อความว่า ชาวนาในเขตจังหวัดพิจิตร จำนวนกว่า 14,047 ราย จาก 12 อำเภอ ซึ่งเป็นชาวนาของ อ.โพทะเล 2,804 ราย ได้นำข้าวจำนำตามโรงสีต่างๆ ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2556 ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ยังไม่ได้รับเงินที่จำนำข้าว จึงมีความเดือดร้อนเพราะต้องการเงินไปใช้หนี้ค่ารถเกี่ยวข้าว ค่าเช่านา ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ ค่าปุ๋ย ค่ายา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ จึงเรียกร้องให้ นายสุรชัย ผู้ว่าฯ พิจิตร ช่วยเป็นสื่อกลางประสานไปยังรัฐบาลให้เร่งดำเนินการจ่ายเงินให้แก่ชาวนาพิจิตรทั้งหมดนี้ด้วย เป็นเงินประมาณ 2,494 ล้านบาท ซึ่งถ้าไม่ได้เงินภายในเร็ววันนี้ก็จะมีการรวมตัวกันชุมนุมประท้วงก่อนสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน
ในส่วนของ นายกฤติกร ญาณฤทธิ์ “ทนายอ้วน” ตัวแทนจากสภาทนายความจังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นทนายความที่สภาทนายความส่งมาดูแลชาวนากลุ่มนี้ได้กล่าวว่า การรับข้าวเปลือกของชาวนาไป ซึ่งโรงสีเป็นตัวแทนของรัฐบาลนั้น ที่ผ่านมา ไม่มีหลักฐานให้ยึดถือไว้เลย มีเพียงตั๋วชั่ง และพยานบุคคลเท่านั้น แท้ที่จริงแล้วเรื่องแบบนี้มีอายุความ 3 เดือน เพราะเป็นคดียักยอกทรัพย์ ซึ่งที่ผ่านมา พอมีเรื่องราวต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ชาวนาก็เป็นรองแพ้คดีตลอด ดังนั้น คราวนี้สภาทนายความ และชาวนาจึงมีมติว่าถ้าภายในสิ้นปีนี้ยังไม่ได้เงินก็จะต้องรีบแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อไม่ให้ขาดอายุความ และจะได้เอาผิดทั้งคดีแพ่ง และคดีอาญาในฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งรัฐบาลโดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ รวมถึง อ.ต.ก. และ อคส. ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ก็จะต้องตกเป็นจำเลยอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น แต่ทุกฝ่ายก็ไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาลให้มีคดีความ แต่อยากได้เงินตามที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายไว้นั่นเอง
ด้านนายวัชระ ทิพย์พิลา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และ นายมงคล สุกใส ปลัดจังหวัด ชี้แจงกับกลุ่มชาวนาว่า อยากให้ทุกฝ่ายเห็นใจรัฐบาล และยืนยันว่าการจำนำข้าวเป็นนโยบายของรัฐบาลไม่มีการโกงชาวนาอย่างเด็ดขาด อย่างไรเสียก็ต้องได้เงิน แต่จะต้องรอกระทรวงพาณิชย์ระบายข้าวก็จะได้เงินมาจ่ายให้ชาวนา ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างเร็วก็ 3 เดือน
ส่วนเงินของ ธ.ก.ส.ก็ได้จ่ายเงินให้ชาวนาอำเภอสามง่ามไปรอบแรกแล้วประมาณ 500 ล้านบาทเศษ และจะมีเงินโอนมาให้อีก 200 ล้านบาท ก็จะเฉลี่ยโอนให้แก่ชาวนากระจายกันลงไปในทุกพื้นที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ชาวนา ซึ่งภายในวันที่ 26 ธันวาคม 2556 ก็จะมีหนังสือชี้แจงลงรายละเอียดให้นายอำเภอไปชี้แจงแก่ชาวบ้านเพื่อจะได้ไม่ต้องยกขบวนมาศาลากลางเป็นการเสียค่าใช้จ่าย เพราะถึงมาศาลากลาง ผู้ว่าฯ พิจิตร ก็ไม่มีเงินให้ ต้องรอรัฐบาลโอนเงินให้แก่ ธ.ก.ส.อยู่นั่นเอง