ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ตำรวจภาค 4 แถลงรวบนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง จ.สกลนคร ร่วมกับแฟนหนุ่มขนกัญชาน้ำหนัก 232 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท สารภาพหาเงินใช้จ่าย วางแผนร่วมกับเพื่อนอดีตผู้ต้องหาลักลอบขนกัญชาส่งลูกค้าที่กรุงเทพฯ
วันนี้ (10 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ รอง ผบช.ภ.4 และ พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.สส.ภ.4 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม น.ส.จุฬารัตน์ อุตศาสตร์ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30/2 บ้านหนองผักตบ ต.นาหัวบ่อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังใน จ.สกลนคร นายสมจิตร กมล อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ 9 ต.ท่าหาดยาว อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด และนายมานิตย์ ไกรวัฒนพงษ์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94 หมู่ 14 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม
พร้อมของกลางกัญชาแห้งอัดแท่ง น้ำหนักรวม 232 กิโลกรัม รถแท็กซี่ สีชมพู ทะเบียน ทศ 9497 กรุงเทพมหานคร ของบริษัท สหกรณ์สหมิตรแท็กซี่ จำกัด รถยนต์เชฟโรเล็ตสีขาว ทะเบียน ญบ 3521 กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง เงินสด 20,000 บาท และสร้อยคอทองคำหลายรายการ
สอบสวน น.ส.จุฬารัตน์รับสารภาพว่า ช่วงเย็นวานนี้ (9 ธ.ค.) นายอนุสรณ์ มากอง แฟนหนุ่มซึ่งหลบหนีการจับกุมไปได้ ได้มารับที่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัย โดยบอกว่าจะพาไปส่งบ้านที่ จ.นครพนม แต่ระหว่างทางแฟนหนุ่มได้นัดเจรจาธุรกิจร่วมกับเพื่อน แต่ตนไม่ได้สนใจอะไร เพราะที่ผ่านมาแฟนหนุ่มบอกว่ายึดอาชีพค้าขายสินค้าในจังหวัดตามแนวชายแดนจึงตัดสินใจนั่งรถมาด้วย
กระทั่งมาถึงริมถนนสาย 212 บ้านแพง-บึงกาฬ แฟนหนุ่มได้จอดรถ จากนั้นมีคนประมาณ 6 คนแบกกระสอบสีดำ 6 กระสอบมาใส่ท้ายรถ ซึ่งตนไม่ทราบว่าคืออะไร จากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวขอจับกุม แฟนหนุ่มจึงขับรถหลบหนี แต่กำลังตำรวจจำนวนมากได้สกัดตามเส้นทางต่างๆ จึงตัดสินใจจอดรถและวิ่งหลบหนีอย่างไม่คิดชีวิต ส่วนตนเป็นคนไม่ชำนาญเส้นทางจึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ แต่แฟนหนุ่มอาศัยจังหวะช่วงชุลมุนและความมืดวิ่งหลบหนีไปได้
พล.ต.ท.อนุชัยกล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ โดยเฉพาะนายสมจิตร และนายมานิตย์ ที่ทำหน้าที่ขับรถแท็กซี่คอยดูต้นทางให้กับรถที่ใช้ขนกัญชา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด บก.สส.ภ.4 ได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมขบวนการค้ากัญชาดังกล่าวมานาน กระทั่งทราบว่ามีการนัดส่งมอบกัญชาที่ทางโค้งบ้านม่วงชี จึงรอให้เพื่อนร่วมขบวนการขนกัญชาดังกล่าวทั้งหมดใส่ในรถ
ชุดจับกุมซึ่งวางกำลังโดยรอบจึงแสดงตัวขอจับกุม แต่คนร้ายไหวตัวทันทั้ง 2 คัน พยายามฝ่าฝืนการจับกุม ขับรถแหกด่าน และเลี้ยวขวาไปในเส้นทาง อ.บ้านแพง ห่างจากจุดจับกุมกว่า 10 กิโลเมตร ก่อนที่คนขับจะตัดสินใจทิ้งรถเพื่อหลบหนี หลังตำรวจนำรถมาขวางถนนและวางกำลังอย่างแน่นหนา โดยนายอนุสรณ์คนขับรถขนกัญชาอาศัยช่วงชุลมุนและความมืดหลบหนีไปได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่งซึ่งบรรจุอยู่ในกระสอบปุ๋ย คลุมด้วยถุงพลาสติกสีดำอย่างแน่นหนารวม 6 กระสอบ และจากการสอบสวนขยายผลยังพบว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน
โดยกัญชาอัดแท่งทั้งหมดจะถูกส่งไปจำหน่ายให้ลูกค้าที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ก่อนส่งไปยังประเทศที่สาม หากกัญชาทั้งหมดสามารถส่งจำหน่ายได้จะมีมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท
หลังสอบปากคำแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันมียาเสพติดประเภทที่ 5 กัญชา ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
