ลำปาง/ลำพูน - เผยนายสถานีรถไฟลำพูนถูกสั่งย้าย-ห้ามเกี่ยวข้องการเดินรถอีก หลังเกิดเหตุรถไฟสายเหนือขบวนปฐมฤกษ์ตกราง ด้านสารวัตรเดินรถสั่ง 26 นายสถานีคุมเข้มความปลอดภัย ชี้วันนี้ไฟสัญญาณกั้นทางยังไม่เสร็จ ขณะที่ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.บอกปัญหารางหมดแล้ว แต่หัวรถจักร-อะไหล่ยังมีปัญหา
หลังเกิดเหตุรถไฟขบวนด่วนนครพิงค์ เที่ยวปฐมฤกษ์ เส้นทางสายเหนือกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ที่มีนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) พร้อมคณะนั่งมาด้วย เพื่อตรวจรางรถไฟสายเหนือที่ปิดซ่อมแซมนาน 75 วัน และเพิ่งเริ่มเปิดให้บริการวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ตกรางขณะจอดส่งผู้โดยสารที่สถานีรถไฟลำพูน เมื่อ 09.55 น. วานนี้ (2 ธ.ค.) เนื่องจากเจ้าหน้าที่สั่งสับรางผิด ทำให้ต้องเสียเวลานานกว่า 15 นาทีในการเร่งแก้ไข ซึ่งไม่มีรายงานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ต่อมานายประภัสร์ได้มีคำสั่งย้ายด่วนนายสิลรัตน์ ดีวาจี นายสถานีรถไฟลำพูน ไปประจำที่กองจัดการเดินรถเขต 3 สถานีศิลาอาสน์ จ.อุตรดิตถ์ และห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเดินรถอีก เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำที่ประมาทเลินเล่อ
ด้านนายสนทยา ทองแต้ม สารวัตรงานเดินรถแขวงลำปาง ซึ่งดูแล 26 สถานี ได้กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะมีการเปิดการเดินรถในวันที่ 1 ธันวาคม ได้เชิญนายสถานีทุกแห่งมาประชุมเพื่อสอบถามถึงปัญหา และเตรียมความพร้อมในทุกจุดที่เป็นจุดเสี่ยง พร้อมกับลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบในสถานที่จริงก่อนหน้านี้ถึงสามครั้ง แต่ก็ยังเกิดเหตุขึ้น เนื่องจากบุคลากรขาดเรื่องวินัยและความรอบคอบ ซึ่งการทำงานในด้านนี้ต้องมีความรับผิดชอบ เพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้โดยสารจำนวนมาก
ดังนั้นตนได้มีหนังสือด่วนถึงนายสถานีทุกสถานี ให้เน้นย้ำความเข้มงวดในการปฏิบัติงานด้านการควบคุมการเดินรถไฟ 3 เรื่อง คือ การควบคุมการสับหลีกขบวนรถไฟ การตรวจสอบระบบสัญญาณกั้นทาง บริเวณจุดตัดทุกแห่ง ซึ่งขณะนี้สัญญาณไฟไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างวางสายเคเบิลใหม่ระหว่างการซ่อมราง และให้เข้มงวด-ดูแลในเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสาร
ขณะเดียวกันได้มีคำสั่งให้ผู้ช่วยนายสถานีรถไฟลำพูน รักษาการนายสถานีแทนชั่วคราวจนกว่าจะมีการแต่งตั้งนายสถานีคนใหม่ ส่วนโบกี้ที่ตกรางเจ้าหน้าที่ได้ใช้รถยกยกขึ้นราง และให้เจ้าหน้าที่แขวงบำรุงทางเข้าทำการซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่นายประภัสร์กล่าวว่า หลังการซ่อมแซมแล้ว เชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์รถไฟตกรางบ่อยเหมือนในอดีต แต่ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าจะไม่เกิดขึ้น เพราะแม้ปัญหาเกี่ยวกับรางหมดไป แต่หัวรถจักรของรถไฟอยู่ในสภาพเก่า และมีปัญหาอะไหล่ บางคันอะไหล่บางตัวเลิกผลิตแล้ว ต้องนำอะไหล่เทียบเคียงมาซ่อมแซม ปัญหาเหล่านี้ต้องรอความคืบหน้าการจัดซื้อหัวรถจักรที่ ร.ฟ.ท.กำลังดำเนินการอยู่
