พระนครศรีอยุธยา - ม็อบชาวบ้านอำเภอลาดบัวหลวงกว่า 500 คน บุกศาลากลางประท้วงขอให้ปิดโรงงานรีไซเคิล และหลอมโลหะของบริษัท ซีฟี้-อินดัสตรี้ จํากัด หลังสร้างปัญหามลพิษ ทำลายสภาพแวดล้อม จนชาวบ้านไม่สามารถทนรับสภาพของน้ำเน่าเสีย ฝุ่นเขม่าดำ รวมถึงกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง
เวลา 11.00 น. วันนี้ (25 พ.ย.) ที่ศูนย์ราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชาวบ้านจากตำบลสามเมือง และตำบลบาดบัวหลวง อำเภอลาดบัวหลวง กว่า 500 คน เดินทางด้วยรถบัส และรถส่วนตัวมารวมตัวถือป้ายประท้วงที่ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังไม่พอใจที่โรงงานรีไซเคิลและหลอมโลหะในพื้นที่ของ บริษัท ซีฟี้-อินดัสตรี้ จํากัด ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนของนักธุรกิจชาวจีน โดยชาวบ้านอ้างว่า ได้สร้างปัญหามลพิษ และทำลายสภาพแวดล้อม จนชาวบ้านไม่สามารถทนรับสภาพของน้ำเน่าเสีย ฝุ่นเขม่าดำ รวมถึงกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงได้อีกต่อไป
นายมานพ สุขสุศรี แกนนำชาวบ้านกล่าวว่า เราเคยประท้วงกันตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จนมีข้อตกลงร่วมกันว่า โรงงานจะหยุดดำเนินการช่วงคราวเพื่อปรับปรุง และทุกภาคส่วนจะเข้าตรวจสอบในวันที่ 12 มกราคมปีหน้า แต่ปัจจุบันโรงงานกลับไม่สนใจข้อตกลง และเปิดดำเนินกิจการทุกวัน
ต่อมา นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้นำทุกฝ่ายเข้าห้องประชุมเพื่อหาทางออกจนได้ข้อสรุปว่า ให้โรงงานหยุดกิจการชั่วคราว และช่วงบ่ายวันนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบนำใบปิดประกาศห้ามโรงงานเปิดกิจการจนกว่าจะมีการปรับปรุงแก้ไขระบบการทำงานของเครื่องจักรให้ดีเสียก่อน และวันที่ 12 มกราคมนี้ ทุกฝ่ายจะเข้าร่วมตรวจสอบการเดินเครื่องของโรงงานอีกครั้งหนึ่งว่า ยังมีผลกระทบต่อชาวบ้าน และสิ่งแวดล้อมหรือไม่ หากยังมีผลกระทบก็จะไม่อนุญาตให้โรงงานเปิดกิจการได้ ชาวบ้านจึงพอใจแยกย้ายกันกลับ
เวลา 11.00 น. วันนี้ (25 พ.ย.) ที่ศูนย์ราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชาวบ้านจากตำบลสามเมือง และตำบลบาดบัวหลวง อำเภอลาดบัวหลวง กว่า 500 คน เดินทางด้วยรถบัส และรถส่วนตัวมารวมตัวถือป้ายประท้วงที่ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังไม่พอใจที่โรงงานรีไซเคิลและหลอมโลหะในพื้นที่ของ บริษัท ซีฟี้-อินดัสตรี้ จํากัด ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนของนักธุรกิจชาวจีน โดยชาวบ้านอ้างว่า ได้สร้างปัญหามลพิษ และทำลายสภาพแวดล้อม จนชาวบ้านไม่สามารถทนรับสภาพของน้ำเน่าเสีย ฝุ่นเขม่าดำ รวมถึงกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงได้อีกต่อไป
นายมานพ สุขสุศรี แกนนำชาวบ้านกล่าวว่า เราเคยประท้วงกันตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จนมีข้อตกลงร่วมกันว่า โรงงานจะหยุดดำเนินการช่วงคราวเพื่อปรับปรุง และทุกภาคส่วนจะเข้าตรวจสอบในวันที่ 12 มกราคมปีหน้า แต่ปัจจุบันโรงงานกลับไม่สนใจข้อตกลง และเปิดดำเนินกิจการทุกวัน
ต่อมา นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้นำทุกฝ่ายเข้าห้องประชุมเพื่อหาทางออกจนได้ข้อสรุปว่า ให้โรงงานหยุดกิจการชั่วคราว และช่วงบ่ายวันนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบนำใบปิดประกาศห้ามโรงงานเปิดกิจการจนกว่าจะมีการปรับปรุงแก้ไขระบบการทำงานของเครื่องจักรให้ดีเสียก่อน และวันที่ 12 มกราคมนี้ ทุกฝ่ายจะเข้าร่วมตรวจสอบการเดินเครื่องของโรงงานอีกครั้งหนึ่งว่า ยังมีผลกระทบต่อชาวบ้าน และสิ่งแวดล้อมหรือไม่ หากยังมีผลกระทบก็จะไม่อนุญาตให้โรงงานเปิดกิจการได้ ชาวบ้านจึงพอใจแยกย้ายกันกลับ