xs
xsm
sm
md
lg

สืบสวนภาค 5 รวบแคเมอรูนแสบ หลอกคนไทยลงทุนซื้อน้ำยาล้าง “เงินดำ” ก่อนเชิดเงินหนี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตร.สืบสวนภาค 5 รวบตัวหนุ่มแคเมอรูนตัวแสบ หลังก่อเหตุกับเพื่อนร่วมแก๊งตั้งแต่ปี 49 หลอกคนเชียงใหม่ลงทุนซื้อน้ำยาเคมี อ้างมี “เงินดำ” หากเอาน้ำยาล้างได้เงินดอลลาร์ใช้เพียบ ทำเหยื่อตายใจควักเงินล้านให้แต่สุดท้ายเชิดเงินหนีลอยนวล ภายหลังวกกลับมาเมืองไทยอีกเลยโดนตำรวจตามจับได้ พร้อมประกาศเตือนระวังแก๊งคนดำปลอมเป็นคนขาวมาคุยผ่านโลกออนไลน์จนเคลิ้ม ก่อนหลอกให้โอนเงินให้แล้วเผ่นหนี

วันนี้ (22 พ.ย.) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมคณะ แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาชาวแคเมอรูน ในคดีหลอกลวงให้ร่วมทำธุรกิจซื้อน้ำยาเคมีสำหรับใช้ล้างธนบัตรดัดแปลงให้กลายเป็นธนบัตรเงินดอลลาร์ ตามหมายจับของศาลแขวงจังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่ปี 2549

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายอิวาริสเต ซิกนัว (SEGNOU EVARISTE) อายุ 36 ปี สัญชาติแคเมอรูน หนังสือเดินทางประเทศแคเมอรูน หมายเลข 01632561 ตามหมายจับของศาลแขวงจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 170/2549 ลงวันที่ 8 มี.ค. 2549 ได้ที่ด่านตรวจท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ ภายหลังจากสืบทราบว่านายอิวาริสเตซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทย

พล.ต.ต.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27-28 ก.พ. 2549 มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรแม่ปิงว่า ถูกกลุ่มคนร้ายซึ่งเป็นชาวต่างชาติผิวดำ หลอกลวงให้ร่วมธุรกิจซื้อน้ำยาเคมี เพื่อนำไปล้างธนบัตรที่ดัดแปลงขึ้นมาให้เป็นธนบัตรดอลลาร์ที่มีสภาพใช้งานได้

คนร้ายกลุ่มดังกล่าวได้พาผู้เสียหายไปดูธนบัตรดัดแปลงหรือที่เรียกว่า “เงินดำ” ซึ่งเก็บไว้ในตู้เซฟภายในห้องพักของกลุ่มคนร้าย พร้อมทั้งสาธิตการใช้น้ำยาเคมีล้างธนบัตรดังกล่าวให้กลายเป็นธนบัตรเงินดอลลาร์ที่คล้ายกับของจริง จากนั้นจึงได้ชักชวนผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนในการซื้อน้ำยาเคมีซึ่งมีราคาแพงมาใช้ล้างธนบัตรดังกล่าว จนผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินค่าน้ำยาเคมีจำนวน 1.7 ล้านบาทให้แก่กลุ่มคนร้ายไป แต่ภายหลังกลุ่มคนร้ายกลับไม่ได้ส่งมอบน้ำยาเคมีให้ผู้เสียหายตามที่ตกลงและได้หลบหนีไป จึงได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในปี 2549 และศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าว โดยมีนายอิวาริสเตเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาด้วย

พล.ต.ประจวบกล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามสืบสวนสอบสวนมาโดยตลอด จนกระทั่งทราบว่านายอิวาริสเตซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้ทำการควบคุมตัวนายอิวาริสเตและนำตัวมาดำเนินคดีที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยคดีดังกล่าวพบว่ายังคงมีกลุ่มผู้ต้องหาอีกส่วนหนึ่งที่ยังกระทำความผิดอยู่ในประเทศไทย และในภาคเหนือเองก็มีผู้เสียหายจำนวนมากที่ถูกหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีการแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้วส่วนหนึ่ง

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีกลุ่มคนร้ายที่เป็นคนผิวดำได้ก่อเหตุหลอกลวงประชาชนในอีกรูปแบบหนึ่ง กล่าวคือจะทำทีปลอมตัวเป็นชายชาวอังกฤษผิวขาวเข้ามาพูดคุยกับเหยื่อผ่านทางเฟซบุ๊ก สไกป์ หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ต่างๆ จนกระทั่งเกิดความสนิทสนมและเหยื่อให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ จากนั้นจะอ้างว่าจะส่งข้าวของมาให้เหยื่อเป็นของแทนใจ เช่น เงินสดหรือเพชร เป็นต้น แต่ขอให้เหยื่อเป็นผู้เสียค่าผ่านด่านสนามบิน

โดยให้โอนเงินค่าผ่านด่านสนามบินมาให้ก่อนแล้วจึงจะส่งของไปให้ แต่เมื่อเหยื่อโอนเงินไปแล้วก็จะอ้างว่ามีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติมอีก ทำให้เหยื่อต้องโอนเงินไปเพิ่ม จนกระทั่งเมื่อเป็นที่พอใจของกลุ่มคนร้ายแล้วก็จะยุติการติดต่อกับเหยื่อและหลบหนีไป ซึ่งปัจจุบันยังคงมีการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่องและมีผู้เสียหายหลายราย จึงขอเตือนประชาชนให้ระวังตัวจากมิจฉาชีพกลุ่มนี้เอาไว้ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น