พระนครศรีอยุธยา - หัวขโมยปฏิบัติการเย้ยระบบรักษาความปลอดภัยศูนย์ราชการพระนครศรีอยุธยา บุกฉกจานดาวเทียมติดรถยนต์ของหัวหน้าศูนย์ข่าวเดลินิวส์ ที่จอดรถไว้ภายในลานจอดรถศูนย์ราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก่อนหนีลอยนวล จี้ผู้บริหารควรดูแล และหามาตรการป้องกันให้มากกว่านี้
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (21 พ.ย.) นายเผอิญ ไทยสม หัวหน้าศูนย์ข่าวเดลินิวส์ภาคกลาง และประธานสมาพันธ์ผู้สื่อข่าวทีวีหนังสือพิมพ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.เกษม มั่งมี พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2556 เวลาประมาณ 13.00 น. ตนได้จอดรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ สีขาว หมายเลขทะเบียน ญบ 2716 กรุงเทพมหานคร ไว้ภายในบริเวณลานจอดรถศูนย์ราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังจากนั้นคนร้ายโจรกรรมจานดาวเทียมติดรถยนต์ มูลค่า 15,000 บาทของตนไป
นายเผอิญ กล่าวว่า ตนได้จอดรถไว้ที่บริเวณลานจอดรถยนต์ อยู่ห่างจากป้อมยามทางศูนย์ราชการประมาณ 15 เมตร เพื่อเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการจัดงาน “ยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลก” และงานกาชาดจังหวัด ประจำปี 2556 ในฐานะตัวแทนของสื่อมวลชนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อเสร็จจากประชุมแล้วตนได้เดินมาที่รถเพื่อกลับบ้านพัก แต่ปรากฎพบว่าจานดาวเทียมที่ติดอยู่บนหลังคารถยนต์ของตนได้หายไปโดยมีร่องรอยคนร้ายใช้คีมตัดสายนำสัญญาณ แล้วงัดเอาจานดาวเทียมไป
“ที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนว่ามีคนร้ายโจรกรรมยางอะไหล่ และรถจักรยานยนต์ที่อยู่ภายในศูนย์ราชการบ่อยครั้ง จึงได้นำรถมาจอดที่บริเวณลานจอดรถที่ห่างจากป้อมยามแค่ 15 เมตร ซึ่งมีเจ้าหน้า อส. ประจำอยู่ แต่มาถูกคนร้ายก่อเหตุได้ ถือว่าความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนที่มาใช้บริการภายในศูนย์ราชการมีน้อยมาก จึงอยากให้ทางผู้ที่รับผิดชอบเพิ่มมาตรการในการดูแล และป้องกันมากกว่านี้ ก่อนหน้านี้ ไม่ได้แจ้งความเพราะได้พยายามติดต่อขอดูภาพกล้องวงจรปิดจากเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่บอกเพียงว่า จุดที่ลานจอดรถไม่มีกล้อง ไม่สามารถตรวจสอบได้ ขอให้ไปแจ้งความเอาไว้จึงได้มาแจ้งความเอาไว้เป็นหลักฐาน”
ด้านร.ต.ท.เกษม มั่งมี พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประสานให้ฝ่ายสืบสวนเข้าไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่าง ๆ เพื่อตรวจหาคนร้ายที่เข้ามาขโมยจานดาวเทียมที่ติดอยู่บนหลังคารถยนต์ของนายเผอิญ ไทยสม หัวหน้าศูนย์ข่าวเดลินิวส์ภาคกลาง และประธานสมาพันธ์ผู้สื่อข่าวทีวีหนังสือพิมพ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
