ศรีสะเกษ - หลังการพิพากษาของศาลโลกคดีปราสาทพระวิหาร ชาวเขมรแห่เข้ามาซื้อสินค้าที่ช่องสะงำคึกคัก
วันนี้ (17 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งในวันนี้เปิดเป็นตลาดนัดไทย-กัมพูชา ในเขตแดนไทย ปรากฏว่า บรรยากาศหลังการพิพากษาของศาลโลกคดีปราสาทพระวิหารออกมาแล้ว ได้ส่งผลให้บรรยากาศการค้า และการท่องเที่ยวตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน จ.ศรีสะเกษ ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากชาวกัมพูชามีความรู้สึกสบายใจที่ผลการพิพากษาของศาลโลกออกมาแล้วไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา
ดังนั้น ชาวกัมพูชาจึงได้พากันแห่เข้ามาหาซื้อสินค้า พร้อมทั้งนำเอาสินค้าทางด้านผลิตผลทางการเกษตรเข้ามาขายที่ตลาดช่องสะงำค่อนข้างคึกคักมากกว่าทุกครั้งที่มีการเปิดตลาดนัดบริเวณนี้ โดยส่วนมากแล้วชาวกัมพูชาจะซื้อสินค้าจำพวกเนื้อสัตว์ พืชผักต่างๆ รวมทั้งผลไม้ทุกชนิดเพื่อนำเอาเข้าไปเป็นอาหารในเขตแดนของกัมพูชา ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยขายสินค้าได้ดีมาก ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ตรวจตราอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการลักลอบนำเอาสิ่งของผิดกฎหมายเข้ามาในเขตแดนไทย
นางเจียง เฮง อายุ 42 ปี ชาว อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นแม่ค้า และมาหาซื้อสินค้า กล่าวว่า ผลการพิพากษาของศาลโลกคดีปราสาทพระวิหาร ทำให้พวกตนคลายความกังวลลงไปมาก ไม่ต้องกังวลว่าหากเข้ามาหาซื้อของในเขตแดนไทยแล้วจะมีปัญหาความรุนแรงเกิดขึ้น และอาจจะถูกทำร้ายในเขตแดนไทย ซึ่งพวกตนได้พากันเข้ามาหาซื้ออาหารการกิน พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ เพื่อนำเอาไปขายที่ อ.อัลลองเวง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ประมาณ 16 กม.
ส่วนชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ใกล้กับช่องสะงำ ก็พากันมาหาซื้ออาหารการกินเพื่อนำเอาไปทำเป็นอาหารเลี้ยงตนเอง และครอบครัว ซึ่งในวันนี้ชาวกัมพูชาเข้ามาหาซื้อสินค้าในเขตแดนไทยมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาที่มีการเปิดตลาดนัด เนื่องจากผลการพิพากษาของศาลโลกเป็นผลดีต่อทั้ง 2 ประเทศ ทั้งกัมพูชา และไทยนั่นเอง