เครือข่ายป้องแผ่นดินไทยโหมปลุกพลังต้านศาลโลกทั่วบุรีรัมย์-เตรียมบุกสถานทูตเขมร

บุรีรัมย์ - เครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทย และ ปชช.อาสาปกป้องแผ่นดินไทย โหมปลุกพลังรักชาติ เคลื่อนขบวนรณรงค์ค้านอำนาจศาลโลก กรณีคดีปราสาทพระวิหารทั่วเมืองบุรีรัมย์ เพื่อประกาศเจตนารมณ์ปกป้องอธิปไตยไทย ไม่ยอมเสียดินแดนให้เขมร เผยเตรียมบุกชุมนุมหน้าสถานทูตเขมรก่อนวันศาลโลกตัดสิน

เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (4 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทยอีสานใต้-ตะวันออก และเครือข่ายประชาชนอาสาปกป้องแผ่นดินไทย ประมาณ 20 คน นำโดย นางสำเนียง สุภัณภพ กรรมการเครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทยอีสานใต้-ตะวันออก จ.บุรีรัมย์ รวมตัวกันที่บริเวณสวนรมย์บุรี เขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เพื่อแสดงพลังปกป้องแผ่นดินไทย ก่อนเคลื่อนขบวนออกรณรงค์ไปตามถนนสายต่างๆ ในตัวเมืองบุรีรัมย์ เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนร่วมลงชื่อคัดค้าน ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก กรณีคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี 2505 ตามคำร้องของฝ่ายกัมพูชา ที่ศาลโลกจะมีคำพิพากษาในวันที่ 11 พ.ย.นี้

ทั้งนี้ การออกมาเคลื่อนไหวรณรงค์เพื่อต้องการให้ชาวบุรีรัมย์และประชาชนไทยทั้งประเทศได้แสดงถึงพลังของความรักชาติรักแผ่นดินไทยมากกว่าสิ่งอื่นใด โดยการลุกขึ้นมาปกป้องผืนแผ่นดินไทยพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือกว่า 3,000 ไร่ รอบปราสาทพระวิหาร อีกทั้งหากศาลโลกพิพากษายกเขาพระวิหารให้กัมพูชาตามคำฟ้องของกัมพูชาที่ยึดแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 จะส่งผลให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดนเพิ่มอีกในอนาคตตลอดแนวชายแดนทางบกยาว 798 กิโลเมตร กว่า 1.8 ล้านไร่ และทางทะเลจำนวน 270,000 ตารางกิโลเมตร หรือ 17 ล้านไร่ ยังไม่นับรวมทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในดินและใต้ท้องทะเลอีกจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ไม่ให้ตกเป็นของกัมพูชา

พร้อมทั้งยังเชิญชวนประชาชนร่วมประกาศเจตนารมณ์ว่าประชาชนไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก และได้เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างจริงจังมากกว่าที่เป็นอยู่

นางสำเนียง สุภัณภพ กรรมการเครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทยอีสานใต้-ตะวันออก จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า การออกมาเคลื่อนไหวรณรงค์ในครั้งนี้เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนชาวบุรีรัมย์ได้ร่วมกันคัดค้านอำนาจศาลโลก และคำตัดสินใดๆ เพราะประเทศไทยได้ลาออกจากการเป็นภาคีสมาชิกของศาลโลกตั้งนานแล้ว

ดังนั้น ไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาเป็นเช่นไรก็ไม่จำเป็นจะต้องยอมรับ แต่หากศาลโลกตัดสินให้พื้นที่พิพาทดังกล่าวตกเป็นของกัมพูชา เชื่อว่าจะเป็นชนวนเหตุที่ทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างประชาชนไทยกับกัมพูชา และอาจนำไปสู่ภาวะสงครามในอนาคต

“เราขอคัดค้านอำนาจศาลโลก ไม่ให้รัฐบาลไปยอมรับในกระบวนการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหาร หากปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการศาลโลกเราเสียแผ่นดินอย่างแน่นอน เราจึงรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนได้เข้าใจปัญหาที่แท้จริง และเคลื่อนไหวกดดันเพื่อคัดค้านขอบเขตศาลโลก และพวกเราจะมีการเคลื่อนไหวไปชุมนุมที่หน้าสถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย ก่อนวันที่ศาลโลกจะมีคำพิพากษาด้วย” นางสำเนียงกล่าว