ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้ว่าฯ โคราชเปิดศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดหรือ “ศปก.” เกาะติดม็อบต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมโคตรโกง และตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร เน้นป้องกันสถานที่ราชการ ระดม ตร. อส. กว่า 300 นาย พร้อมรถควบคุมผู้ต้องหาและรถดับเพลิงประจำศาลากลางจังหวัดตั้งด่านสกัด 6 อำเภอ เผยยังไม่พบความเคลื่อนไหวจะนำไปสู่เหตุรุนแรง มีเพียงกลุ่มราว 100 คนจัดเวทีปราศรัยข้างลานย่าโม สั่ง นอภ.ประจำพื้นที่รายงานทุกระยะ ขู่ ขรก.ต้องเป็นกลาง
วันนี้ (4 พ.ย.) ที่หอประชุมเปรม ติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดนครราชสีมา (ศปก.จ.นม.) เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มพลังมวลชนทางการเมืองและองค์กรต่างๆ ในการต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยมีตัวแทนจากกองทัพภาคที่ 2 ตำรวจภูธรจังหวัด ฝ่ายความมั่นคงจังหวัด นายอำเภอทั้ง 32 อำเภอ เข้าร่วมประชุมและประเมินสถานการณ์ความเคลื่อนไหวในปัจจุบันด้วย
นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้อาจมีการก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้นได้ เนื่องจากมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เพื่อความสงบของบ้านเมืองจึงต้องมีการจัดกำลังเข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะสถานที่ราชการ เช่น ศาลากลางจังหวัด ต้องดูแลอย่างดี ขณะนี้ได้มีกำลังกองร้อยอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.), ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ชุดปราบจลาจล รวมกว่า 300 นาย พร้อมรถดับเพลิง รถควบคุมผู้ต้องขังประจำอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และจะสับเปลี่ยนกำลังทุก 3 วัน ซึ่งจะมีการประเมินสถานการณ์ทุกระยะ
สำหรับการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยนั้น ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกนายต้องปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ นุ่มนวล เพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าประชาชนชาว จ.นครราชสีมาเป็นผู้ที่รักสงบ รักสันติ คงไม่มีเหตุการณ์ใดรุนแรง แต่เพื่อความไม่ประมาทจึงได้จัดกำลังป้องกันสถานที่ราชการ และอำนวยความสะดวกให้ประชาชน โดยบูรณาการหน่วยงานทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ อส. ตั้งเป็น ศปก.จังหวัด และยังมี ศปก.ของตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมาที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ด้วย โดยมีกำลังจากหน่วยต่างๆ มาสแตนด์บายตลอด 24 ชั่วโมง (ชม.) ซึ่งได้เน้นย้ำนโยบายการปฏิบัติหากมีเหตุการณ์รุนแรงขอให้ปฏิบัติด้วยความรอบครบ ยึดกฎหมายเป็นหลักในการดำเนินการ
ทั้งนี้ จากการข่าวและเหตุการณ์ทั่วไปไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น มีการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มหนึ่งประมาณ 100 กว่าคนที่เปิดเวทีปราศรัยข้างลานย่าโมเท่านั้น เป็นการใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตย แต่ขอให้อยู่ในความสงบเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย เราไม่ได้มีการสั่งการให้สกัดกั้นอะไร ส่วนกลุ่มเคลื่อนไหวจะมีการยกระดับการชุมนุมนั้น ขณะนี้ทุกหน่วยก็ดูแลเข้มข้นขึ้น เพราะกลุ่มเคลื่อนไหวจะมีทั้งในเรื่องของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และกรณีการตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร
“ได้กำชับให้นายอำเภอทั้ง 32 อำเภอ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเกาะติดอยู่ในพื้นที่และตรวจสอบข่าวสาร หากมีการเคลื่อนไหวอะไรต่างๆ ต้องแจ้งให้จังหวัดทราบทันที และลงไปทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในจุดต่างๆ โดยใช้วิธีทางสันติในการแก้ไขได้ สำหรับพี่น้องประชาชนว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรที่จะเดินทางเข้าไปในกรุงเทพฯ ขอให้อยู่ในพื้นที่ หากมีข้อเรียกร้องก็สามารถยื่นผ่านมาทางอำเภอมาที่ผม ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อที่จะนำเสนอไปยังส่วนกลางให้ได้” นายวินัยกล่าว
นายวินัยกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางจังหวัดร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ตั้งด่านตรวจรวม 6 จุด ที่ อ.สีดา, อ.ลำทะเมนชัย, อ.ปักธงชัย, อ.สีคิ้ว, อ.ด่านขุนทด และ อ.ปากช่อง มีการตรวจทั้งเรื่องยาเสพติด อาวุธปืน เป็นด่านตรวจเข้มแข็ง ส่วนการเฝ้าระวังมือที่สามทางการข่าวเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ได้สั่งให้ทุกฝ่ายติดตาม ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ ผู้ที่จะเข้ามาแทรกซึมแทรกซ้อนในเรื่องนี้ ตนให้ความสำคัญเพราะอาจจะทำให้ปัญหาบานปลายไปได้ จึงได้กำชับทั้งในส่วนของท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอำเภอ ตรวจสอบอย่างละเอียดในสิ่งเหล่านี้
ส่วนข้าราชการที่อาจตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ตาม ตนคิดว่าข้าราชการต้องเป็นกลาง และในฐานะที่เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสความเคลื่อนไหว พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รวมทั้งกรณีปราสาทพระวิหาร และในวันที่ 9 พ.ย.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเดินทางมา จ.นครราชสีมาจะดูแลป้องกันเหตุวุ่นวายอย่างไร นายวินัยตอบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะเดินทางมาในภารกิจเพื่อดูแลพี่น้องประชาชน มาพบปะเยี่ยมเยียนให้กำลังใจและร่วมกิจกรรมต่างๆ ของ จ.นครราชสีมา คิดว่าส่วนนี้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจและดีใจที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมา
แต่อย่างไรก็ตาม เรามีมาตรการรักษาความปลอดภัยในฐานะที่เป็นผู้นำประเทศที่ลงมาในพื้นที่ ทั้งในส่วนของตำรวจ, ทหาร ฝ่ายปกครอง เราดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นในทางที่ไม่ดี ตอนนี้เรามีความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่อยู่แล้ว