แดงเชียงรายขึ้นเวทีต้าน กม.ล้างผิดสุดซอย ถามเอาเสื้อแดงแลกบางคนทำไม

เชียงราย - พบแกนนำคนเสื้อแดงเมืองเชียงรายบางคนทนไม่ไหว โผล่ขึ้นเวทีคนต้านกฎหมายล้างผิดสุดซอย ตั้งคำถามจี้ใจดำ “ทำไมต้องเอาคนเสื้อแดงไปแลกผลประโยชน์ให้คนบางคน” ระหว่างที่แดงอีกกลุ่มยกพวกเผชิญหน้ากลุ่มพลังมวลชนฯ ต้าน พ.ร.บ.เหมาเข่ง ไม่สน ผบ.ตร.ลงพื้นที่

รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงราย แจ้งว่า หลังกลุ่มประชาชนในนาม “กลุ่มพลังมวลชนชาวเชียงราย” จัดกิจกรรมต่อต้านกฎหมายล้างผิดฉบับสุดซอย หรือเหมาเข่ง ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ผลักดันจนผ่านวาระ 3 ในวันเดียว บริเวณด้านทิศใต้ของอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช หรือ 5 แยกพ่อขุนฯ ตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็นวานนี้ (2 พ.ย.) แต่กลับถูกกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ นำโดย น.ส.จิรนันท์ จันทวงษ์ แกนนำกลุ่มลูกคนเมืองรักชาติ นางเกษนีย์ ชื่นชม แกนนำกลุ่มเชียงราย 49 นางมติ พิพัฒนสุมงคล หรือเจ๊หมวย แซ่อั้ง เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวรสเยี่ยม นำมวลชนเข้าก่อกวนจนเกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้นหลายครั้ง

จนทำให้ พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.เชียงราย พ.ต.อ.ชูวิทย์ กองแก้ว ผกก.สภ.เมืองเชียงราย พ.ต.ท.สมคิด หมั่นงาน รอง ผกก.สส. ต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนนับ 100 นาย ไปอยู่บริเวณลานอนุสาวรีย์พ่อขุนฯ กั้นกลางกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เคลื่อนขบวนจากหน้าโรงแรมแสนภุเพลส มาทางด้านทิศเหนือของอนุสาวรีย์ และใช้รถติดเครื่องขยายเสียงปราศรัยโจมตีการชุมนุมของกลุ่มแรกอย่างหนัก

ปรากฏว่า กลุ่มคนเสื้อแดงได้พยายามรุกเพื่อฝ่าแนวป้องกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอดเวลาจนช่วงแรกเกิดการกระทบกระทั่งกับมวลชนต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้งมีปากเสียง ตะโกนด่า ขว้างปาสิ่งของ สาดน้ำ และบางคนชกต่อยกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าระงับเหตุห้ามปรามให้แยกจากกันได้ เนื่องจากวันเดียวกัน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และนายตำรวจระดับสูงยังอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อประชุม ก.ตร.สัญจร ที่โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์รีสอร์ท ห่างจากจุดชุมนุมของทั้ง 2 ฝ่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แต่ต่อมากลุ่มคนเสื้อแดงได้ใช้รถยนต์ปราศรัยคันหนึ่ง ขับอ้อมถนนขึ้นไปบนทางเดินเท้าฝั่งทิศใต้ใกล้กับรถปราศรัยของกลุ่มต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม และเกิดการกระทบกระทั่งสาดน้ำเข้าใส่กันเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าไปห้ามปราม และชิงเอารถขับกลับไปอยู่ที่จุดเดิม ท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียด เพราะกลุ่มต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมไม่ได้ถอยหนี หรือยินยอมเหมือนการชุมนุมของกลุ่มหน้ากากขาวหลายครั้งที่ผ่านมา

พ.ต.อ.ชูวิทย์ เห็นสถานการณ์ไม่ปกติจึงได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปเจรจากับแกนนำทั้ง 2 ฝ่ายให้ยุติการชุมนุมเพื่อลดการกระทบกระทั่งที่อาจหนักขึ้นถึงขั้นตะลุมบอนใส่กัน รวมทั้งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปปิดกั้นระหว่างทั้ง 2 กลุ่มเพิ่มเติม และปิดถนนฝั่งทิศใต้ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงนำรถบุกเข้าไปอีก

นายเจริญ กาวิล ประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ประจำ จ.เชียงราย 1 ในแกนนำที่กลุ่มพลังมวลชนชาวเชียงราย กล่าวว่า ก่อนการจัดการชุมนุมครั้งนี้ได้ศึกษากฎหมายรัฐธรรมนูญแล้วเป็นอย่างดี ทั้งรัฐธรรมนูญปี 2540 และปี 2550 พบว่าให้สิทธิประชาชนในการแสดงความเห็นได้อย่างสันติโดยปาศรัยอาวุธ ซึ่งกรณีของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เราก็เห็นอยู่แล้วว่าไม่ถูกต้องเพราะเป็นการไปยกโทษให้คนที่กระทำความผิดซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองโดยสันติและปราศจากอาวุธเลย ทั้งยังยกโทษให้คนทุจริตคอร์รัปชันโกงกินบ้านเมือง ให้เขากลับมามีอำนาจโกงกินซ้ำซากอีก

“เราเหมือนคนถูกหลอกกันทั้งประเทศ เราแค่แสดงพลังอย่างสันติ แต่สงสัยว่าเหตุใดกลุ่มคนเสื้อแดงที่อ้างประชาธิปไตยจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้อีก”

ด้าน น.ส.จิรนันท์ และแกนนำเสื้อแดงอีกหลายคนผลัดกันปราศรัยตะโกนไปยังเวทีของฝ่ายตรงกันข้ามว่า พวกเราต้องการให้มีการนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งเพราะถ้าไม่เหมาเข่งคนที่อยู่ในคุกจะเป็นอย่างไร สำหรับพวกที่มาชุมนุมต่อต้านเป็นพวกที่ไม่รักชาติบ้านเมือง รับจ้างเขามา และมาไม่ถูกสถานที่ เพราะคนเชียงรายไม่ต้องการให้มีการชุมนุมในลักษณะนี้

รายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงท้ายปรากฏเหตุการณ์ที่ทำเอาคนเสื้อแดงเชียงรายหลายคนตกใจกัน เมื่อนายถวัลย์ หรือวีระ ชมภูวิเศษ หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มต่างๆ ในนามเสื้อแดงอิสระมาโดยตลอด ได้ขึ้นบนรถปราศรัยของฝ่ายต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม

นายวีระ บอกว่า ตัวเขาเองก็ไม่ต้องการพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งนี้ เพราะต้องการให้นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนที่ติดคุกติดตะราง ไม่ใช่นำคนเสื้อแดงไปแลกกับผลประโยชน์ของบางคนด้วย ซึ่งทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมคึกคักอย่างเต็มที่ ส่วนฝ่ายเสื้อแดงตะโกนด่าว่าเป็นคนทรยศ

ท้ายที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อมให้ทุกฝ่ายสลายตัว ทำให้ฝ่ายต่อต้านพระราชบัญญํตินิรโทษกรรมได้ให้ นายสุพร สุทธิธรรม ประธานกลุ่มพลังมวลชนชาวเชียงราย อ่านแถลงการณ์มีเนื้อหาให้ประชาชนเห็นถึงพิษภัยของพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยเน้นให้คนทุกสีเสื้อได้เห็นว่า เป็นการทำลายสถาบันหลักของประเทศ ก่อนที่จะสลายตัวไปท่ามกลางการดูแลไม่ให้อีกฝ่ายเข้าไปกระทบกระทั่งกันอีก

ขณะที่ฝ่ายเสื้อแดงเมื่อเห็นฝ่ายอีกฝ่ายสลายตัวก็พากันสลายตัวตามไปในที่สุดท่ามกลางความโล่งอกของทุกฝ่าย