กาญจนบุรี - ชาวนากาญจนบุรี ยื่นหนังสือถึง "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ขอขยายกรอบปริมาณรับจำนำข้าวปี 56/57
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (1 พ.ย.56) คณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าวจังหวัดกาญจนบุรี นำโดยนางพรรษวรรณ จันทร์ดี หัวหน้าสำนักงานการค้าภายในจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยนางมุกดา อินทรบุญ องค์การคลังสินค้าจังหวัดกาญจนบุรี นายวรายุทธ์ ธนโชคสว่าง ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดกาญจนบุรี นายมนัส แก้วทองศรี ตัวแทนชมรมโรงสีข้าว จ.กาญจนบุรี นายแรม เชียงกา ตัวแทนเกษตรกร จ.กาญจนบุรี นายสมปอง คำเที่ยง ตัวแทนเกษตรกร อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี นายกิตติศักดิ์ รัตนติธรรมพัฒนา ตัวแทนเกษตรกร อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ได้เข้าร่วมประชุมที่ห้องประชุมการเวก โรงแรมผึ้งหวานรีสอร์ทแอนด์สปา ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
โดยการประชุมระหว่างคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าวระดับจังหวัด ของจังหวัดกาญจนบุรีกับตัวแทนโรงสีและตัวแทนเกษตรกร โดยที่ประชุมเห็นพร้อมกันว่าปีนี้จะให้โรงสีภายในเข้ามาดำเนินการรับจำนำ โดยไม่เรียกร้องโรงสีภายนอกเข้ามารับจำนำ เนื่องจากเห็นว่าโรงสีมีความพร้อมและเพียงพอในการรับจำปริมาณข้าวเปลือกในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี
ในระหว่างประชุมนายแรม เชียงกา ตัวแทนเกษตรกรปลูกข้าวจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมคณะได้ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องเสนอคณะกรรมการกำกับดูแลนโยบายข้าวจังหวัดกาญจนบุรี เรื่องขอขยายกรอบปริมาณผลผลิตในการรับจำข้าวนาปี 2556/57 ต่อนางพรรษวรรณ จันทร์ดี กรมการค้าภายในจังหวัดกาญจนบุรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ถึงรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ โดยมี 4 ข้อเรียกร้อง คือ
1.ขอให้คณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องการกำกับดูแลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวจังหวัดกาญจนบุรี มีการพิจารณาทบทวนขยายกรอบปริมาณผลผลิตในการรับจำนำข้าวนาปี 2556/57 จำนวน 666 กิโลกรัมต่อไร่ เป็นจำนวน 900/1,000 กิโลกรัมต่อไร่
2.ขอให้คณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องการกำกับดูแลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวแห่งชาติ วางมาตรการให้โรงสีต้องรับซื้อผลผลิตที่เกินจำนวนทั้ง 2 ส่วนจากเกษตรกร ในราคาตันละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทเป็นต้นไป เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรเข้าถึงโครงการรับจำนำข้าวตามนโยบายของรัฐบาลมากยิ่งขึ้น
3.ขอให้คณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องการกำกับดูแลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวแห่งชาติ เพิ่มช่องทางเลือกในการประกอบอาชีพทางการเกษตรให้มากขึ้น เพื่อลดพื้นที่การทำนา หรือการจัดโซนนิ่งอาชีพการเกษตรอย่างเป็นรูปธรรมและเร่งด่วน
4.ขอให้คณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องการกำกับดูแลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวแห่งชาติหามาตรการควบคุมต้นทุนการผลิตไม่ให้มีราคาสูงเกินไป
โดยท้ายสุด คณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าวระดับจังหวัดกาญจนบุรี มีมติในที่ประชุมให้มีการเปิดรับจำนำข้าวเปลือกเพื่อบริการให้เกษตรกรแล้ว 33 แห่ง ประกอบด้วยโรงสีภายในจำนวน 14 แห่ง จุดนอกพื้นที่จำนวน 19 แห่ง
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (1 พ.ย.56) คณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าวจังหวัดกาญจนบุรี นำโดยนางพรรษวรรณ จันทร์ดี หัวหน้าสำนักงานการค้าภายในจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยนางมุกดา อินทรบุญ องค์การคลังสินค้าจังหวัดกาญจนบุรี นายวรายุทธ์ ธนโชคสว่าง ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดกาญจนบุรี นายมนัส แก้วทองศรี ตัวแทนชมรมโรงสีข้าว จ.กาญจนบุรี นายแรม เชียงกา ตัวแทนเกษตรกร จ.กาญจนบุรี นายสมปอง คำเที่ยง ตัวแทนเกษตรกร อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี นายกิตติศักดิ์ รัตนติธรรมพัฒนา ตัวแทนเกษตรกร อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ได้เข้าร่วมประชุมที่ห้องประชุมการเวก โรงแรมผึ้งหวานรีสอร์ทแอนด์สปา ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
โดยการประชุมระหว่างคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าวระดับจังหวัด ของจังหวัดกาญจนบุรีกับตัวแทนโรงสีและตัวแทนเกษตรกร โดยที่ประชุมเห็นพร้อมกันว่าปีนี้จะให้โรงสีภายในเข้ามาดำเนินการรับจำนำ โดยไม่เรียกร้องโรงสีภายนอกเข้ามารับจำนำ เนื่องจากเห็นว่าโรงสีมีความพร้อมและเพียงพอในการรับจำปริมาณข้าวเปลือกในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี
ในระหว่างประชุมนายแรม เชียงกา ตัวแทนเกษตรกรปลูกข้าวจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมคณะได้ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องเสนอคณะกรรมการกำกับดูแลนโยบายข้าวจังหวัดกาญจนบุรี เรื่องขอขยายกรอบปริมาณผลผลิตในการรับจำข้าวนาปี 2556/57 ต่อนางพรรษวรรณ จันทร์ดี กรมการค้าภายในจังหวัดกาญจนบุรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ถึงรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ โดยมี 4 ข้อเรียกร้อง คือ
1.ขอให้คณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องการกำกับดูแลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวจังหวัดกาญจนบุรี มีการพิจารณาทบทวนขยายกรอบปริมาณผลผลิตในการรับจำนำข้าวนาปี 2556/57 จำนวน 666 กิโลกรัมต่อไร่ เป็นจำนวน 900/1,000 กิโลกรัมต่อไร่
2.ขอให้คณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องการกำกับดูแลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวแห่งชาติ วางมาตรการให้โรงสีต้องรับซื้อผลผลิตที่เกินจำนวนทั้ง 2 ส่วนจากเกษตรกร ในราคาตันละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทเป็นต้นไป เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรเข้าถึงโครงการรับจำนำข้าวตามนโยบายของรัฐบาลมากยิ่งขึ้น
3.ขอให้คณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องการกำกับดูแลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวแห่งชาติ เพิ่มช่องทางเลือกในการประกอบอาชีพทางการเกษตรให้มากขึ้น เพื่อลดพื้นที่การทำนา หรือการจัดโซนนิ่งอาชีพการเกษตรอย่างเป็นรูปธรรมและเร่งด่วน
4.ขอให้คณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องการกำกับดูแลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวแห่งชาติหามาตรการควบคุมต้นทุนการผลิตไม่ให้มีราคาสูงเกินไป
โดยท้ายสุด คณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าวระดับจังหวัดกาญจนบุรี มีมติในที่ประชุมให้มีการเปิดรับจำนำข้าวเปลือกเพื่อบริการให้เกษตรกรแล้ว 33 แห่ง ประกอบด้วยโรงสีภายในจำนวน 14 แห่ง จุดนอกพื้นที่จำนวน 19 แห่ง
