“ประชา” นำทีมเจรจาม็อบยาง-ปาล์มน้ำมันที่ประจวบฯ ล้มเหลว

ประจวบคีรีขันธ์ - พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมตรี และนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฯลฯ เข้าเจรจาแกนนำม็อบยางที่ประจวบฯ กว่า 3 ชั่วโมงไร้ข้อสรุป แม้จะยอมยกมือไหว้ขอร้องแกนนำม็อบยางให้เลิกปิดถนนเพชรเกษมก็ตาม แต่ก็ไม่สำเร็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการชุมนุมของภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดใต้ ยังคงปักหลักชุมนุมอยู่ที่บริเวณหน้าอนามัยบ้านศรีนคร อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ว่า เมื่อเวลา 21.30 น. คืนที่ผ่านมา (27 ต.ค.) หลังจากที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี พร้อมนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมการปกครอง และนายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสิริวุฒิ เหมทัต ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสมมิตร ศิลป์ประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายอำเภอบางสะพาน นายอำเภอบางสะพานน้อย ป้องกันจังหวัดประจวบฯ และ พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมทั้งอัยการจังหวัด ตัวแทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประชุมร่วมกับแกนนำม็อบยาง จำนวน 7 คน นำโดยนายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายชาวสวนยางและปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ นายสันทัต เดชเกิด แกนนำชาวสวนยางประจวบคีรีขันธ์ นายจำลอง ดีทองอ่อน ผู้ประสานงานชาวสวนยางบ้านธรรมรัตน์ ที่ประชุมได้ที่องค์การบริหารส่วนตำบลทองมงคล อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ซึ่งแกนนำสวนยางได้ยื่นข้อเรียกร้อง จำนวน 5 ข้อ ได้แก่ ข้อที่ 1) ขอให้รัฐบาลชดเชยส่วนต่างราคายางพารา กก.ละ 100 บาท และปาล์มน้ำมัน กก.ละ 6 บาท 2) รัฐบาลต้องไม่ใช้นโยบายนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาปาล์มน้ำมันในประเทศตกต่ำ 3) ให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการรับรองสิทธิในที่ดินทำกิน โดยมีตัวแทนจากเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันในพื้นที่ 16 จังหวัดภาคใต้ ต้องมีจำนวนคณะกรรมการดังกล่าวเกินครึ่ง 4) ให้ย้าย พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ออกจากพื้นที่โดยทันที และข้อ 5) รัฐบาลต้องไม่เอาผิดดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาต่อกลุ่มผู้ชุมนุมทุกคน โดยการประชุมหารือใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ก็ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ เนื่องจากข้อเสนอของเครือข่ายสวนยางหลายข้อเกินกว่าอำนาจที่ที่ประชุมจะตัดสินใจเองได้ ก่อนที่รองนายกรัฐมนตรีจะยกเลิกการประชุมในที่สุด

ซึ่งระหว่างการประชุม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ได้พูดขอร้องพร้อมกับยกมือไหว้แกนนำม็อบเพื่อขอแกนนำภาคีเครือข่ายเลิกปิดถนนถนนเพชรเกษม เพราะการกระทำดังกล่าวทำให้ชาวบ้าน และคนใช้เส้นทางขึ้นเหนือล่องใต้เดือดร้อนหนัก และยังส่งผลกระทบต่อปัญหาเศรษฐกิจอย่างมากโดยเฉพาะการขนส่งสินค้าล่าช้า และได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ประชา ได้เสนอให้ตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาครัฐกับภาคประชาชนเพื่อหาข้อยุติ โดยตนเองพร้อมที่จะรายงานข้อมูลให้แก่นายกรัฐมนตรีได้ทราบ และหาทางออกร่วมกัน สำหรับเรื่องราคาที่เรียกร้องให้ชดเชยราคากิโลกรัมละ 100 บาทนั้น เป็นไปไม่ได้เนื่องจากเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีการประชุมกันที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และมีมติส่วนใหญ่ราคากิโลกรัมละ 90 บาท จึงไม่สามารถที่จะให้ตามข้อเรียกร้องได้ ในกรณีการย้ายผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบฯ นั้น ตนเองไม่สามารถดำเนินการได้ คงต้องส่งเรื่องให้ทางคณะกรรมการ กต.ตร. แต่ยืนยันว่ารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหายางพาราให้แก่เกษตรกร

ทั้งนี้ ในที่ประชุมจะมีความพยายามในการขอร้องม็อบยางพาราเลิกปิดถนนทันที เพื่อยุติความเดือดร้อน แต่แกนนำเครือข่ายฯ และตัวแทนม็อบยางที่มาร่วมเจรจากล่าวเพียงว่า ต้องกลับไปชี้แจงต่อชาวบ้านที่เป็นเกษตรกรที่กำลังชุมนุมอยู่ที่บ้านศรีนคร อ.บางสะพานน้อย ซึ่งไม่แน่ใจว่าชาวบ้านจะยินยอมหรือไม่ และต้องการให้รัฐบาลยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จ่ายค่าปัจจัยการผลิตไร่ละ 2,520 บาทให้แก่เกษตรกร โดยอ้างว่าแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด

ต่อมา เวลา 24 .30 น.ของวันนี้ (28 ต.ค.) นายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่าวเกษตรกรชาวสวนยางพารา และปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ พร้อมแกนนำอีก 6 คน ได้เดินทางกลับมายังจุดที่มีการชุมนุมบริเวณบ้านศรีนคร และประชุมกับแกนนำนานกว่า 1 ชั่วโมง จนนายทศพล ได้ออกมาขึ้นเวที และแจ้งถึงผลการเจรจากับตัวแทนรัฐบาล และสรุปว่า การเจรจาล้มเหลว โดยกลุ่มภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันฯ ยืนยันต้องการราคายางพาราที่ 100 บาทเท่านั้น และพร้อมประกาศบนเวทีด้วยว่า ในวันนี้จะมีการประชุมกันอีกครั้งว่าจะดำเนินการยกระดับการชุมนุมไปในทิศทางใดต่อไป โดยหลังจากการประกาศบนเวทีเสร็จแล้ว บรรดาชาวบ้านที่มาร่วมชุมนุมส่วนหนึ่งได้ทยอยเดินทางกลับพัก แต่ยังคงมีการ์ด และกลุ่มวัยรุ่นยังคงดูแลบริเวณพื้นที่ชุมนุม

สำหรับการปิดถนนเพชรเกษมของม็อบสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน ที่บริเวณบ้านศรีนคร หมู่ 7 ต.ช้างแรก อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเคลียร์เส้นทางให้ประชาชน และรถส่งสินค้าจำนวนมากไปใช้เส้นทางเลี่ยงสายในแทน โดยเส้นทางดังกล่าวมีระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางกว่า 3 ชั่วโมง เนื่องจากมีปริมาณรถหนาแน่น และรถบรรทุกขนส่งสินค้าจำนวนมากต้องจอดรถรอตลอด 2 ฝั่งถนนเพชรเกษม