ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “ในหลวง” พระราชทานถุงยังชีพบรรเทาทุกข์ราษฎร เมืองโคราชยังระทมหนัก “ลำตะคอง” ทะลักท่วม 24 ชุมชนจมใต้น้ำ เดือดร้อน 1,000 ครอบครัว ชาวเกาะลอย 60 หลังคาเรือน ท่วมบ้านชั้นแรกสูง 2 เมตร ต้องใช้บันไดลิงปีนขึ้นหน้าต่างหนีไปอยู่ชั้น 2 และเข้าออกชุมชนด้วยเรือเท่านั้น ขณะบ้านชั้นเดียวต้องอพยพไปทำเพิงพักบนคันกั้นน้ำ เผยอุ้มหมูป่า“บุญรอด” กว่า100 กก.หนีตาย ผู้ว่าฯ ระบุยังมีมวลน้ำค้างทุ่งอีกกว่า 100 ล้าน ลบ.ม. จ่อทะลักลงลำตะคอง มั่นใจเอาอยู่
ช่วงบ่ายวันนี้ (24 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมาว่า ล่าสุดมวลน้ำปริมาณมากในลำตะคองได้ล้นตลิ่งทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในเขตเทศบาลนครนครราชสีมารวมเป็น 24 ชุมชนแล้ว ประชาชนเดือดร้อนกว่า 1,000 ครอบครัว โดยส่วนใหญ่จุดที่น้ำท่วมสูง ระดับน้ำยังทรงตัวและลดลงเล็กน้อยประมาณ 5-10 เซนติเมตร (ซม.) โดยเฉพาะที่ชุมชนมิตรภาพ ซอย 4, ชุมชนตะคองเก่า ระดับน้ำยังท่วมสูง 50 ซม., ชุมชนเกาะลอย ระดับน้ำสูง 80 ซม. - 2 เมตร ส่วนหมู่บ้านวีไอพี ระดับน้ำท่วมอยู่ที่ 50- 60 ซม. ขณะโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา ริม ถ.มิตรภาพ น้ำลำตะคองได้เอ่อเข้าท่วมเต็มพื้นที่โรงเรียนแล้ว สูงประมาณ 40-50 ซม.
ขณะที่โรงเรียนเทศบาล 4 ถ.มิตรภาพ อ.เมือง นครราชสีมา นายพร อุดมพงษ์ กรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อม นายประสงค์ พิทูรกิจจา เลขาธิการมูลนิธิฯ ได้นำถุงยังชีพพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาแจกจ่ายให้แก่ราษฏรรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่เขตเทศบาลนครราชสีมา และ ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา รวมจำนวน 2,500 ชุด ยังความปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณแก่ราษฎรผู้ประสบภัยเป็นล้นพ้น
ด้านประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนเกาะลอย เขตเทศบาลนครราชสีมา ซึ่งเป็นจุดที่ถูกน้ำท่วมสูงเนื่องจากอยู่ติดลำตะคอง มีราษฎรได้รับความเดือดร้อนน้ำท่วมบ้านเรือนสูงกว่า 2 เมตร รวม 60 หลังคาเรือน วันนี้ระดับน้ำยังทรงตัว ชาวบ้านต้องใช้เรือในการสัญจรเข้าออกชุมชนและ ทุกหลังคาเรือนต้องหนีน้ำท่วมขึ้นไปอาศัยอยู่บนชั้น 2 ของบ้านโดยใช้บันไดไม้ไผ่ปีนขึ้นทางหน้าต่างแทน เนื่องจากประตูบ้านและบริเวณบ้านชั้น 1 ถูกน้ำท่วมมิดทั้งหมด ขณะชาวบ้านหลายรายที่มีบ้านขนาดชั้นเดียวถูกน้ำท่วมสูงไม่สามารถอาศัยอยู่ในบ้านได้ ต้องอพยพขนย้ายสิ่งของออกไปปักหลักนอนอาศัยอยู่บนคันกั้นน้ำ โดยสร้างเป็นเพิงพักชั่วคราวขึ้น
เช่นเดียวกับ หมูป่าน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม เพศผู้ชื่อ “เจ้าบุญรอด” อายุกว่า 15 ปี ชาวบ้านได้ช่วยกันนำขึ้นไปไว้บนชั้น 2 ของบ้าน เพื่อหนีน้ำท่วม ซึ่งเจ้าของบ้านไปทำงานต่างจังหวัด กลับมาปีละ 1 ครั้ง โดยมีนายแดง อายุ 77 ปี เพื่อนบ้าน คอยพายเรือนำอาหารมาให้ เจ้าบุญรอดได้กินเพื่อประทังชีวิต
ส่วนที่ทำการพรรคชาติพัฒนา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา “ชมรมเพื่อนสุวัจน์” นำโดยนพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ตัวแทนนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา และนายกิตติพงษ์ พงษ์สุรเวศ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา ได้เปิดครัวชมรมเพื่อนสุวัจน์ ประกอบอาหาร เช่น ผัดกระเพาะหมู , กุนเชียงทอด , ไข่เจียวทรงเครื่อง , หมูแดดเดียว และ หุงข้าว จัดใส่ถุง ใส่กล่อง พร้อมน้ำดื่ม จำนวนวันละ 2,000 ชุด ทุกวันวันละ 3 มื้อ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบอุทักภัยในพื้นที่ 24 ชุมชนเทศบาลนครนครราชสีมา , อ.เมืองนครราชสีมา และต่างอำเภอที่ประสบอุทกภัยอยู่ในขณะนี้
นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การบริหารจัดการน้ำท่วม ทางจังหวัดฯ ดูทั้ง 2 พื้นที่คือ พื้นที่ที่เป็นพืชสวนไร่นาของประชาชนให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และพื้นที่เมืองต่างๆ ที่เป็นเขตเศรษฐกิจต้องดูแลเต็มที่ โดยเฉพาะโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นห่วงว่ามวลน้ำที่ยังเหลืออยู่อีกกว่า 100 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งยังค้างทุ่งอยู่และจะไหลลงลำตะคองอีกนั้นจะมีผลกระทบเพิ่มเติมอีกหรือไม่ และมวลน้ำก้อนนี้จะไหลต่อไปยัง อ.พิมาย แต่เท่าที่ตรวจสอบยังให้ความมั่นใจว่าคงไม่ท่วมโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และสถานการณ์น้ำท่วมคงไม่สร้างผลกระทบมากกว่านี้หรือหากขยายวงกว้างคงเล็กน้อยเท่านั้น และคาดว่าอีก 1 สัปดาห์ ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
“ขณะนี้เราเป็นห่วงพื้นที่ปลายน้ำของ จ.นครราชสีมา คือ ที่ อ.พิมาย อ.ชุมพวง ต้องไปเร่งระบายน้ำลงแม่น้ำมูล ให้ออกไปยัง จ.บุรีรัมย์ให้เร็วที่สุดไม่เช่นนั้นน้ำจะท่วมเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตามภาพข่าวที่ออกไปบางส่วนเหมือนกับว่าจังหวัดนครราชสีมาน้ำท่วมมากมายเหลือเกิน แต่จริงๆ แล้วเราสามารถบริหารจัดการได้” นายวินัย กล่าว
ด้านนายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ ผู้อำนวยการส่งน้ำ และบำรุงรักษาลำตะคอง เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ตัวเมืองนครราชสีมา ว่า ขณะนี้น้ำอยู่ในระดับทรงตัว มีมวลน้ำจากลำลำตะคองไหลผ่านพื้นที่ตัวเมืองนครราชสีมา ประมาณ120 ลบ.ม.ต่อวินาที และสามารถผันระบายออกจากตัวเมืองให้ไปลงลำบริบูรณ์ ได้ประมาณ 80 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งทำให้มีปริมาณน้ำตกค้างอยู่ตามทุ่งต่างๆ ส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมในเขตพื้นที่ตัวเมืองนครราชสีมายังต้องทรงตัวต่อไปอีกประมาณ 2-3 วัน จากนั้นสถานการณ์จะค่อยๆ ลดลง และคลี่คลายกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พื้นที่รับน้ำต่อไปต้องเผชิญกับน้ำท่วมหนัก คือ อ.พิมาย อ.ชุมพวง เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำจากลำน้ำหลักต่างๆ ทั้ง ลำตะคอง , ลำพระเพลิง , ลำแชะ และ ลำมูล