ศพนักธุรกิจไทยจากลาวถึงบ้านเกิดที่กาญจน์แล้ว

กาญจนบุรี - ศพนักธุรกิจไทยเหยื่อเครื่องบินลาวตกแม่น้ำโขงถึงบ้านเกิดที่กาญจนบุรีแล้ว ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า เริ่มสวดอภิธรรมพรุ่งนี้

ความคืบหน้ากรณีเครื่องบินสายการบินลาวตกในแม่น้ำโขง และมีคนไทยเสียชีวิต เมื่อเวลา 18.30 น. วันนี้ (22 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ศาลาธรรมสังเวช วัดท่าเรือ ชุมชนท่าน้ำ เทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี พบญาติของ นายวีกิจ บุษราวุธานุสรณ์ อายุ 38 ปี น้องชาย ผู้จัดการบริษัท ไชยาพรลาเท็กซ์ จำกัด ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กว่า 10 คนที่อยู่ในอาการเศร้าโศกได้ช่วยกันจัดสถานที่เพื่อรับศพของ นายวีกิจ ที่เดินทางมาถึงประเทศไทยและกำลังขนส่งมาที่บ้านเกิด โดยนายจุมพล ไพศาลมาศ อายุ 42 ปี ญาติของนายวีกิจ ได้มารอรับศพ

โดยนายจุมพล เปิดเผยว่า ทางญาติได้รอรับศพของนายวีกิจ ที่กำลังจะเดินทางมาถึงซึ่งเมื่อช่วงเที่ยงได้มีการทำการบุญ 7 วันอุทิศส่วนกุศลให้แก่นายวีกิจ ไปแล้ว และทางญาติเสียใจมาก แต่ก็ได้เตรียมจัดงานสวดพระอภิธรรมตั้งแต่พรุ่งนี้ และจะทำการฌาปนกิจในวันอาทิตย์นี้

ต่อมา เวลา 19.00 น. นายพลฤทธิ์ บุษราวุธานุสรณ์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/1 หมู่ 1 ต.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ได้เดินทางพร้อมรถตู้บรรทุกศพของนายวีกิจ มาถึง โดยศพอยู่ในสภาพใส่โลงศพ และซีนพลาสติกเรียบร้อย โดยบรรจุอยู่ในโลงเย็นที่บรรทุกอยู่ด้านหลังรถตู้ โดยมีพวงหรีดจากประเทศลาว จำนวน 3 พวง มาพร้อมกับศพ โดยญาติได้ทำการยกโลงศพ และนำเข้าบรรจุในโลงเย็นที่ตั้งแท่นรอไว้สำหรับการจัดตั้งเพื่อเริ่มการสวดพระอภิธรรมในคืนวันพรุ่งนี้

นายพลฤทธิ์ เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุตนได้รับการติดต่อจากสถานทูต และได้รีบเดินทางไปที่เกิดเหตุเพื่อไปดูการค้นหาศพ สำหรับนายวีกิจ เป็นผู้จัดการของโรงงานของครองครัวเป็นธุรกิจยางพาราที่ตั้งอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ โดยนายวีกิจ เป็นลูกคนที่ 4 จากพี่น้อง 5 คน ซึ่งการเดินทางไปประเทศลาวในครั้งนี้ นายวีกิจ ได้เดินทางไปกับเพื่อนอีก 2 คน เพื่อท่องเที่ยว และไปดูช่องทางธุรกิจด้วย

แต่ที่ต้องขอขอบคุณ คือ นายสุทธินันท์ ทองมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ที่ได้ประสานงานกับครอบครัวตลอดเวลาตั้งแต่เกิดเหตุจนศพมาถึงที่วัดท่าเรือ และที่ต้องขอบคุณเป็นอย่างมากคือ ทีมกู้ภัยทุกคนที่ทุ่มเทอย่างไม่ย่อท้อช่วยค้นหาจนพบศพของผู้เสียชีวิตทั้งหมด ที่สำคัญที่สุดขอขอบคุณรัฐบาลลาว และรัฐบาลไทยที่ช่วยอำนวยความสะดวก และประสานงานเรื่องเอกสารจนสามารถนำศพกลับประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว จึงขอขอบคุณทุนคนที่มีส่วนร่วมในการนำศพน้องชายกลับมาที่บ้านเกิดอย่างจริงใจ