xs
xsm
sm
md
lg

ญาติแห่รับศพคนไทยเหยื่อเครื่องบินลาวตก

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)
ญาติแห่รับศพคนไทยเหยื่อเครื่องบินลาวตกจนทำให้คนไทยเสียชีวิต 3 คน พร้อมทวงถามความรับผิดชอบทางการลาวควรแฟร์มากกว่านี้ ด้าน “จรัมพร” เผยทางการลาวไม่สั่งยุติการค้นหา แต่คิดว่าชาวบ้านที่นั่นน่าจะช่วยค้นหาได้ 6 ศพที่เหลือ หลังทางการไทยเดินทางไปช่วยค้นหาจนพบ 43 ศพ จากจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 49 ราย พร้อมเผยทางการลาวตรวจศพไม่ได้มาตรฐานสากล!
       
       จากกรณีเครื่องบินแบบ ATR 72-600 ของสายการบินลาวแอร์ไลน์ เที่ยวบิน QV301 ที่เดินทางออกจากสนามบินวัดไต นครหลวงเวียงจันทน์ มาลงที่สนามบินเมืองปากเซ ก่อนประสบเหตุสภาพอาการแปรปรวนขณะเตรียมร่อนลงที่สนามบิน ทำให้เครื่องตกกลางลำน้ำโขง บ้านโพนทอง เมืองปากเซ เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ผู้โดยสารจำนวน 44 คน พร้อมลูกเรือ 5 คนเสียชีวิตทั้งหมด โดยทางการไทย ได้ให้ความช่วยเหลือ ส่งเจ้าหน้าที่จากกองบัญชาการกองทัพไทย จำนวน 13 คน นักประดาน้ำจากกองทัพเรือจำนวน 10 คน และเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติจำนวน 10 คนไปร่วมค้นหาผู้เสียชีวิต และโดยจากการค้นหาร่างผู้เสียชีวิตตั้งแต่วันเกิดเหตุมาแล้ว 5 วัน ขณะนี้พบแล้ว 42 ศพ กับอีก 13 ชิ้นส่วน รวมทั้งศพผู้เสียชีวิตชาวไทย ประกอบด้วย นายภควัตร อธิรัตนชัย อายุ 50 ปี นายคะนึง ชาติเกษมชัย อายุ 47 ปี และนายวีกิจ บุษราวุธธานุสรณ์ อายุ 38 ปี โดยเจ้าหน้าที่จากกระเทศไทยที่เดินทางไปช่วยเหลือได้หมดภารกิจในการช่วย เหลือ จึงเดินทางกลับโดยนำร่างผู้เสียชีวิตชาวไทยทั้ง 3 เดินทางกลับมาตามที่ญาติผู้เสียชีวิตได้ร้องขอ ให้กองทัพอากาศช่วยนำศพผู้เสียชีวิตกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่ประเทศไทย
       
       ความคืบหน้าเมื่อเวลา 16.35 น.วานนี้ (22 ต.ค.) ที่สนามบินกองทัพอากาศ บน.6 ดอนเมือง เครื่องบิน C 130 ของกองทัพอากาศ ได้นำเจ้าหน้าที่จากประเทศไทยที่เดินทางไปช่วยเหลือทางการลาวกลับประเทศไทย พร้อมศพนายภควัตร อธิรัตนชัย อายุ 50 ปี นายคะนึง ชาติเกษมชัย อายุ 47 ปี และนายวีกิจ บุษราวุธธานุสรณ์ อายุ 38 ปี โดยมีญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตมารอรับศพด้วยความโศกเศร้า โดยทางกองทัพอากาศได้จัดเตรียมรถตู้ไว้คอยส่งศพผู้เสียชีวิตไปบำเพ็ญกุศลยัง สถานที่ที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตต้องการ แต่ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตได้จัดเตรียมรถตู้มารอรับศพเอง
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเครื่องบิน C130 บินมาถึงสนามบินกองทัพอากาศ บน.6 ดอนเมือง เจ้าหน้าที่ได้ให้รถตู้ที่ญาตินำมารับศพขับเข้ามาจอดยังรันเวย์ ก่อนจะให้เจ้าหน้าที่ทหารอากาศ แบกโลงลงจากเครื่องบิน โดยโลงแรกคือนายคะนึง มีพระสงฆ์จูงสายสินเดินนำหน้าโลงศพ มีครอบครัวผู้เสียชีวิต เดินถือกระถางธูปและรูปภาพนายคะนึง เดินนำโลงศพมาใส่ที่รถตู้ ส่วนโลงศพของนายวีกิจ และนายภควัตร ญาติไม่ได้เตรียมรูปถ่ายผู้ตายมา จึงเดินถือเพียงกระถ่างธูป สำหรับศพนายคะนึง ญาติได้นำไปบำเพ็ญกุศล ที่วัดธรรมนิการาม ต.เทวราช อ.ไชโย จ.อ่างทอง ส่วนศพนายวีกิจ ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลที่วัด อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ส่วนศพนายภควัตร ญาตินำไปฝากที่วัดดอนเมืองก่อน 1 คืนแล้วในเวลา 10.00 น.วันที่ 23 ต.ค.ครอบครัวจะนำไปขึ้นเครื่องสายการบินไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนนำไปตั้งบำเพ็ญกุศล ที่วัดใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
       
       โดย นายเส่ง ชาติเกษมชัย อายุ 70 ปี บิดาของนายคะนึง เปิดเผยว่า ก่อนที่บุตรชายจะเสียชีวิต ได้เดินทางไปเที่ยวที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย ซึ่งก่อนที่จะเดินทางเข้าประเทศลาว ยังได้เล่นไลน์คุยกับน้องสาวอยู่อย่างสนุกสนาน จนกระทั่งเข้าไปเที่ยวประเทศลาวแล้ว ก็ติดต่อกันไม่ได้อีกเลย จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่โทรศัพท์มาแจ้งว่า บุตรชายประสบอุบัติเหตุ แต่เจ้าหน้าที่คนนั้นไม่ได้บอกว่าประสบอุบัติเหตุอะไรอย่างไรที่ไหน ตนและครอบครัวก็เป็นห่วงมาก จนกระทั่งเปิดหาข่าวทางอินเตอร์เน็ต จึงทราบว่ามีเหตุเครื่องบินายการบินลาวตกที่แม่น้ำโขง และบุตรเป็นหนึ่งในผู้โดยสารที่เสียชีวิตทั้งหมด ในช่วงที่ยังค้นหาศพไม่พบพวกตนก็ได้แต่ภาวนาขอให้หาศพบุตรชายเจอให้เร็วที่ สุด จนกระทั่งเจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งว่าพบศพบุตรชายแล้ว ต้องขอขอบคุณกองทัพบอก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้ ทำให้ครอบครัวตนนั้นซึ้งใจเป็นอย่างมาก สำหรับสายการบินลาวแอร์ไลน์ เบื้องต้นได้มอบเงินช่วยเหลือ จำนวน 50,000 บาท ก่อน แต่เงินที่ได้มานั้น ยังไงก็ไม่คุ้มค่ากับการที่ต้องเสียบุตรชายไป เอาชีวิตลูกกลับมามีชีวิตเหมือนเดิมดีกว่า อยากให้ลูกอยู่ด้วยกัน อายุเขาก็ยังน้อยอยู่ ยังไม่สมควรที่จะต้องจากไป บุตรชายคนนี้เป็นคนร่าเริงสนุกสนาน มีแต่คนรักใคร่ กลับมาที่ไรก็เห็นแต่รอยยิ้ม ไม่คิดว่าจะต้องมาด่วนจากไปอย่างนี้
       
       ด้าน นายสุชาย จิรายุนนท์ ลูกพี่ลูกน้องนายภควัตร ที่เดินทางไปค้นหาศพที่ สปป.ลาว ด้วยตัวเอง เปิดเผยว่า หลังจากพบศพนายภควัตร แล้วมาถึงตอนนี้ก็รู้สึกโลงใจ และดีใจที่ได้น้องกลับมา ตลอดเวลาที่อยู่ที่ประเทศลาว ต้องขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่จากประเทศไทยทุกคนที่เดินทางไปช่วยค้นหาศพผู้เสียชีวิต รวมทั้งกองทัพอากาศที่ช่วยนำศพกลับมาประเทศไทย ในการค้นหาศพผู้เสียชีวิตครั้งนี้ ถ้าไม่ได้ท่าจรัมพร ป่านนี้ตนคิดว่ายังคงหาศพน้องหรือผู้เสียชีวิตรายอื่นๆ ไม่พบ เนื่องจากเหตุการณ์นี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงมากสำหรับประเทศลาว ที่ไม่มีประสบการณ์ และศพแต่ละศพเสียหายมาก วันแรกๆ ที่ตนเดินทางไปค้นหาศพน้องชาย ทางการลาวยังทำอะไรไม่เป็น ตนไม่มีที่พักและไม่มีที่กิน จนต้องออกมาร้องขอความเป็นธรรม ก่อนที่รัฐมนตรีกระทรวงโยธาของลาว ออกมาพูดคุยด้วยก่อนที่จะเข้ามาช่วยดูแล โดยน้องของตนพร้อมนายคะนึง และนายวีกิจ ได้เดินทางไปประเทศลาว เพื่อดูโอกาสที่จะทำธุรกิจในประเทศลาว ก่อนที่จะเปิด AEC ที่นครหลวงเวียงจันทน์ เมื่อเสร็จภารกิจจึงเดินทางไปปากเซ เพื่อท่องเที่ยว แต่ก็มาเสียชีวิตกันเสียก่อน
       
       นายสุชาย กล่าวต่อว่า ตนอยากให้สายการบินลาว และประเทศลาว แฟร์มากกว่านี้ อยากให้จ่ายค่าประกันแบบสูงสุด ตอนนี้เขาจ่ายมาแค่ 5,000 เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น ญาติที่ไปติดตามค้นหาศพก็ควรจะดูแลให้มากกว่านี้
       
       ด้าน พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าชุดตรวจเอกลักษณ์บุคคล ที่เดินทางไปช่วยค้นหาศพผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ปัญหาในการเดินทางไปทำงานในช่วงแรกๆพบว่าทางการลาวยังทำงานไม่เป็นระบบ เนื่องจากเขาใช้วิธียืนยันศพจากภาพถ่าย แล้วให้ญาติผู้เสียชีวิตมายืน ซึ่งไม่เป็นไปตามระบบ DVI หรือตามหลักมาตรฐานสากล ซึ่งหลังจากผู้เชี่ยวชาญจากประเทศไทย เดินทางไปร่วมทำงานก็มีทำให้การระบุเอกลักษณ์บุคคล มีระบบมากขึ้น ซึ่งทางญาติผู้เสียชีวิตจากประเทศออสเตรเลีย และฝรั่งเศส ก็ได้ขอให้เราช่วยยืนยันศพ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญของเรามีความสามารถในการตรวจสอบ อย่างลายนิ้วมือศพที่เละมาก เราก็ใช้วิธีลอกหนังกำพร้าที่ฝ่ามือมาตรวจสอบ หรือถ้านิ้วเละมาก เราก็จะฉีดน้ำเข้าไปในนิ้ว จากนั้นจะเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ ส่งมาตรวจสอบที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ
       
       พล.ต.ท.จรัมพร กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการยุติการค้นหาศพนั้น จริงๆ ไม่ได้ถือว่าทางการลาวบอกให้เรายุติ แต่ทางการลาวเห็นว่า พวกเราช่วยค้นหาศพจนพบแล้ว 43 ศพและเราก็ใช้กำลังคนจำนวนมาก ประกอบกับน้ำในแม่น้ำโขงเฉี่ยว ศพที่พบหลายศพลอยไปไกลกว่า 100 กิโลเมตร ถึงแม้เครื่องเรดาร์จะระบุตำแหน่งของเครื่องได้ แต่ก็มีความยากลำบากในการค้นหาศพและกู้เครื่องบิน ดังนั้นทางการลาวเห็นว่า ประชาชนที่ปลูกบ้านอยู่บริเวณริมแม่น้ำโขงน่าจะช่วยในการค้นหาศพได้ เพราะถ้าเห็นศพ หรือชิ้นส่วนศพก็จะแจ้งมายังเจ้าหน้าที่ของเขาได้ สำหรับศพที่สามารถระบุได้แล้ว ขณะนี้มีเพียง 20 ศพ ส่วนที่เหลือยังระบุไม่ได้ เพราะผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติ ยังคงต้องรอDNA จากญาติส่งมา แต่เราก็เก็บ DNA ทุกศพกลับมาเก็บไว้ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ส่วนศพผู้เสียชีวิตชาวไทยที่ยังค้นหาไม่พบ ทางเราก็เก็บตัวอย่าง DNA ญาติๆไว้รอตรวจสอบแล้ว ซึ่งล่าสุดเราเจออีกศพแล้ว แต่ยังคงต้องรอตรวจเอกลักษณ์บุคคลก่อนถึงจะยืนยันได้ว่าเป็นคนไทย สำหรับศพทุกศพที่ส่งกลับไปให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศล คณะของเราได้มอบศพ โดยมีคณะกรรมการของประเทศลาว เป็นผู้ร่วมด้วยทุกศพ สำหรับศพคนไทยที่นำกลับมาวันนี้ได้ผ่านขั้นตอนการออกใบมรณบัตรจากประเทศลาว และเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น