เพชรบุรี - แฟนเก่าหึงโหดขับกระบะตามกระหน่ำยิงดับ 2 ศพ สาหัส 1 ก่อนหลบหนี ตำรวจตามตัวดำเนินคดี
เมื่อเวลา 22.40 น. ของวันที่ 11 ต.ค.56 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ธีรเดช เดชศิริ พนักงานสอบสวน สภ.เขาย้อย รับแจ้งมีผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนถูกนำตัวส่งมาที่โรงพยาบาลเขาย้อยจำนวน 3 ราย ซึ่งเสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย จึงรุดตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 รายและหญิง 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.นฤมล หอมกลิ่น อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/1 หมู่ 4 ต.ยางน้ำกลัดเหนือ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี ถูกยิงเข้าบริเวณหูซ้ายทะลุหูขวา และนายวัชรินทร์ พันธุ์พวก อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/1 หมู่ 4 ต.หนองชุมพล อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ถูกยิงเข้าบริเวณกลางหลังทะลุหน้าอก และมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 1 รายถูกยิงเข้าบริเวณโคนขาซ้ายจำนวน 4 แผล ทราบชื่อคือนายสุรศักดิ์ เปี่ยมบางบอน อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 6 ต.หนองชุมพล อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี โดยแพทย์โรงพยาบาลเขาย้อยได้นำตัวส่งมารักษาต่อที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า
จากการสอบถามนายสุรศักดิ์ เปี่ยมบางบอน ผู้ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บแต่ยังสามารถให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ข้อมูลว่าตนกำลังคบหาอยู่กับ น.ส.นฤมล ที่ถูกยิงเสียชีวิตได้ประมาณสองเดือนเศษและทุกวันจะไปรับ น.ส.นฤมล ซึ่งเป็นพนักงานขายกาแฟอยู่ที่ร้านกาแฟอเมซอล ในปั๊มน้ำมัน ปตท.ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สาขาบางเค็ม อ.เขาย้อย ซึ่งก่อนเกิดเหตุได้ไปรับแฟนสาวที่ปั๊มน้ำมันโดยตนเป็นคนขี่แฟนสาวนั่งหน้า และมีนายวัชรินทร์ (น้องชาย) นั่งอยู่ด้านหลัง โดยทั้งหมดนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอ สีขาว หมายเลขทะเบียน 142 ราชบุรี จำหมวดอักษรไม่ได้ และเมื่อขี่ไปถึงบริเวณโค้งสวรรค์ลอย ซึ่งอยู่ในซอยหลังปั๊มน้ำมัน ปตท. ได้มีคนร้ายคาดว่าน่าจะมากัน 2 คันขับรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าตอนครึ่ง สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับตามหลังมาแล้วกระหน่ำยิงใส่ทั้งสามคนทันทีจนรถจักรยานยนต์ล้มลง โดยตนซึ่งถูกยิงขาบาดเจ็บได้คลานลงไปแอบอยู่ในบ่อน้ำริมทาง
ส่วนคนร้ายซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นนายบ๊อบ สามีเก่าของ น.ส.นฤมล (ผู้ตาย) ตามไปจ่อยิงนายวัชรินทร์ น้องชายจนแน่นิ่งไป ก่อนจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมาแต่ทั้งสองทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งนี้ ตนและน้องชายไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใครมาก่อนส่วนนายบ๊อบ สามีเก่าของ น.ส.นฤมล ได้เลิกรากันมานานกว่า 2 ปี แล้ว
สำหรับสาเหตุที่แท้จริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อจะเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
