นครสวรรค์ - นักวิชาการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 นครสวรรค์ ยันป่าแม่วงก์-คลองลาน มีเสือโคร่งอยู่จริง กล้อง WWF จับภาพชัด 12 ตัว
วันนี้ (8 ต.ค.) ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 นครสวรรค์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งศึกษาเรื่องเสือโคร่งในผืนป่าตะวันตก ป่าห้วยขาแข้ง ป่าแม่วงก์ ป่าคลองลาน และป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ร่วมกับกองทุนสัตว์ป่าโลกหรือ WWF ประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีที่บอกกันว่าป่าแม่วงก์ไม่มีเสือโคร่งแล้วนั้นไม่เป็นความจริง
ล่าสุด จากกล้องคาเมราแท็ปส์ที่ WWF ติดตั้งไว้ ในป่าแม่วงก์ และป่าคลองลาน พบว่ามีเสือโคร่งขยายอาณาเขตจากป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี มายังป่าแม่วงก์ และป่าคลองลาน เพิ่มขึ้นเป็น 12 ตัวแล้ว โดยจับภาพได้ในเขตป่าแม่วงก์ 11 ตัว และป่าคลองลาน 1 ตัว
ดร.ศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เสือในป่าห้วยขาแข้งเริ่มมีความหนาแน่น และแต่ละตัวต้องการพื้นที่กว้าง เพื่อสร้างเป็นอาณาเขตของตนเอง โดยเสือโคร่งเพศผู้แต่ละตัวมีอาณาเขตในการลาดตระเวนเพื่อหากินประมาณ 300 ตารางกิโลเมตร หากพื้นที่ใดมีความสมบูรณ์ มีสัตว์ใหญ่ให้ล่า ความต้องการพื้นที่ก็อาจจะแคบลง
และแต่ละพื้นที่ซึ่งเสือเพศผู้ประกาศอาณาเขต อาจมีเพศเมียอยู่ในอาณาเขต 2-3 ตัว ดังนั้น เสือจากป่าห้วยขาแข้งที่แยกออกจากแม่วงก์ เริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์จะหาอาณาเขตของตนเอง ซึ่งป่าแม่วงก์ และป่าคลองลานก็มีสภาพพื้นที่เหมาะสม เนื่องจากเป็นผืนป่าเดียวกันกับป่าตะวันตก และมีสัตว์ป่า หรือเหยื่อมากพอให้ล่าเพื่อดำรงชีวิต
ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ย้ำว่า แม้จะมีคนเดินเข้าออกเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ แต่เสือก็อยู่ได้ เพราะคนไม่ได้ไปล่า หรือทำร้ายเสือ ซึ่งหลักฐานก็พบจากกล้องคาเมราแทร็ปส์ และรอยเท้าเสือที่เข้ามาใกล้กับชุมชนหมู่บ้านติดแนวเขตป่าแม่วงก์ แต่ก็ยังไม่พบรายงานว่าคนเคยถูกเสือทำร้ายในเขตป่าแม่วงก์ เนื่องจากสัญชาตญาณแห่งความเป็นสัตว์ป่านั้น เสือในป่ากลัวคน หากได้กลิ่นคนก็จะหนี ดังนั้น โอกาสที่จะพบเสือในป่าจริงๆ นั้นเป็นเรื่องยากมาก
ซึ่งเหตุการณ์ที่เสือโคร่งในป่าทำร้ายคนที่มีการบันทึกไว้เพียง 2 ครั้ง คือ ในปี 2541 และในปี 2519
ดร.ศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า หากมีการทำลาย หรือเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยของเสือโคร่งในผืนป่าแม่วงก์เวลานี้ เชื่อว่าจะเกิดปัญหาการลดลงของเสือโคร่งในผืนป่าตะวันตกแน่นอน และอีกไม่เกิน 50 ปีข้างหน้าเสือโคร่งป่าอาจเป็นสัตว์สูญพันธุ์ เช่นเดียวกับหลายประเทศที่ประสบอยู่เวลานี้ก็เป็นได้