ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้การฯ บุรีรัมย์ เผยกระบะขนแรงงานต่างด้าวชาวลาวชนต้นไม้ข้างทาง ตาย 17 ศพ ทุกคนไม่พบเอกสารประจำตัว คาดมีรถอีกคันขนสัมภาระพร้อมเอกสารวิ่งตามมาด้วย สั่ง ตำรวจท้องที่เกิดเหตุ ตรวจสอบที่ไปที่มาของแรงงานเอี่ยวขบวนการขนแรงงานเถื่อนหรือไม่ พร้อมเร่งสอบผู้บาดเจ็บและแม่คนขับรถ
เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้( 7 ต.ค.) ที่สนามบินกองบิน 1 กองพลบินที่ 2 กองบัญชาการยุทธทางอากาศ จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.ชัยเดช ปานรักษา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ กล่าวถึงกรณีเกิดอุบัติเหตุรถกระบะเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง มีผู้เสียชีวิตเป็นแรงงานต่างด้าวชาว สปป.ลาว 17 ราย ที่ จ.บุรีรัมย์ เช้าวันนี้ ว่า จากการลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพบรถยนต์กระบะคันเกิดเหตุสภาพพังยับเยิน มีผู้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุจำนวนมาก และบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง จากการตรวจค้นตัวผู้เสียชีวิตมีเพียงทรัพย์สินเงินทอง แต่ไม่พบเอกสารบัตรประจำตัว มีเอกสารบัตรประจำตัวเฉพาะคนขับรถซึ่งเป็นคนไทย เท่านั้น
ขณะนี้ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.บ้านด่าน ท้องที่เกิดเหตุ ได้ประสานไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี เกี่ยวกับที่มาที่ไปของแรงงานเหล่านี้ ซึ่งจะรายงานให้ทราบต่อไป เบื้องต้นคดว่าคงเป็นการรับคนงานเข้าไปทำงานในกรุงเทพฯ หรือ กำลังจะส่งกลับภูมิลำเนา เป็นลักษณะขับออกจาก จ.บุรีรัมย์ จะผ่านไปยัง อ.สตึก เพื่อข้ามไปยังฝั่ง อ.ชุมพลบุรี สปป.ลาว
ส่วนจะเป็นขบวนการลักลอบขนแรงงานเถื่อน หรือไม่นั้น พล.ต.ต.ชัยเดช กล่าวว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ยังไม่แน่ใจ และยังไม่ชี้ชัดลงไปว่าเป็นขบวนการขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายหรือไม่ ลักษณะที่เกิดขึ้นน่าจะมีรถยนต์อีกคันขนสัมภาระสิ่งของให้กับแรงงานกลุ่มนี้รวมถึงเก็บเอกสารหลักฐานต่างๆ ของแรงงานเอาไว้วิ่งมาด้วยกัน แต่รถไม่เกิดเหตุ ส่วนรถคันที่เกิดอุบัติเหตุขนเฉพาะคน และเจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้างประตูคนขับมีสุราอยู่ครึ่งขวดแบน และในกระเป๋าเสื้อมียาเสพติดติดหนึ่งเม็ด จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจวัดแอลกอฮอล์ในเลือดของคนขับด้วย
ส่วนสาเหตุเบื้องต้นน่าจะเกิดจากฝนตกถนนลื่น และขับรถมาด้วยความเร็วสูง เพราะดูสภาพรถพังฉีดขาดหมด ไม่ได้ชนแบบธรรมดา น่าจะวิ่งมาเร็วเต็มที่ และ ไม่ได้วิ่งแหกด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่นที่เป็นข่าวออกมาตอนแรก เพราะจุดนั้นไม่มีการตั้งด่านตรวจ แต่หากมีด่านต้องถูกเรียกตรวจอยู่แล้ว เพราะมีการบรรทุกคนมาเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ต.ชัยเดช กล่าวอีกว่า จากนี้ไปได้กำชับตำรวจให้มีการตั้งด่านตรวจ เพราะรถลักษณะเช่นนี้เป็นเป้าหมายที่ต้องตรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องตรวจทั้งบัตรประจำตัวประชาชน และสิ่งของผิดกฎหมาย ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นจะให้ทำการสอบสวนผู้รอดชีวิต เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้และและรู้ที่ไปที่มาของแรงงานต่างด้าวดังกล่าวอย่างชัดเจน
ส่วนการดำเนินคดีนั้นได้ให้ทาง ตำรวจ สภ.บ้านด่านใช้กระบวนการสอบสวน เพราะต้องละมุนละม่อมละเอียดอ่อน และเรายังไม่ทราบผู้ตายเป็นใครบ้างและอยู่ที่ไหน ส่วนรถยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุเป็นรถเช่าซื้อ น่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัวมากกว่าเป็นของบริษัท เบื้องต้นทราบว่าแม่ให้ลูกชายขับมา จาก อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี เข้าไปรับคนงานที่กรุงเทพฯ เพื่อกลับมายัง จ.อุบลราชธานี ข้ามไปฝั่งสปป.ลาว ซึ่งเจ้าหน้าที่รู้ชื่อเจ้าของรถเรียบร้อยแล้ว การสอบสวนดำเนินคดี คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรซับซ้อน ต้องขอเวลาตำรวจทำงานก่อน พล.ต.ต.ชัยเดช กล่าว
