กรมชลฯ เร่งตรวจความพร้อมระบบระบายน้ำิก่อนพร่องน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

ศูนย์ข่าวศรีราชา - กรมชลฯ ส่งเจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบความพร้อมระบบระบายน้ำตามเส้นทางเดินน้ำทิ้งคลองระพีพัฒน์ ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ หลังประกาศจะมีการพร่องน้ำออกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เหตุปริมาณน้ำใกล้เต็มความจุ ขณะประตูระบายน้ำสำคัญเร่งเดินเครื่องสูบพร่องน้ำออกสู่บางปะกงตลอด 24 ชม. แล้ว เชื่อในปีนี้จะสามารถระบายน้ำได้ดีกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา

นายอภิชาติ วัฒนาอุดมชัย วิศวกรไฟฟ้าสำนักงานเครื่องกล กรมชลประทาน เผยว่า หลังได้รับคำสั่งให้ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมของระบบเครื่องสูบน้ำ บริเวณประตูระบายน้ำสำคัญตลอดแนวลุ่มน้ำบางปะกง เพื่อรองรับการระบายน้ำตามเส้นทางเดินน้ำทิ้งของกรมชลประทาน หลังกรมชลประทานประกาศว่าจะมีการพร่องน้ำออกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เหตุปริมาณน้ำใกล้เต็มความจุนั้น

พบว่าขณะนี้ประตูระบายน้ำสำคัญ ทั้งประตูระบายน้ำปากคลองแสนแสบ ซึ่งตั้งอยู่ใน ต.บางขนาก อ.บางน้ำเปรี้ยว และประตูระบายน้ำท่าถั่ว ปากคลองประเวศบุรีรมย์ เขต อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งรับน้ำมาจากทางภาคกลาง และภาคเหนือ

โดยเฉพาะเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ผ่านคลองระพีพัฒน์ ก่อนจะระบายลงสู่แม่น้ำบางปะกง และปากอ่าวทะเลผ่านทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต มีความพร้อมที่จะรองรับการระบายมวลตามระบบการระบายน้ำของกรมชลประทานสู่แม่น้ำบางปะกงแล้ว

ทั้งนี้ ประตูระบายน้ำทั้ง 2 แห่ง ถือเป็นประตูระบายน้ำหลักของฝั่งตะวันออก เนื่องจากหลังเกิดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 กรมชลประทาน ได้ขยายขีดความสามารถในการระบายน้ำของสถานีสูบน้ำทั้ง 2 แห่ง จากเดิมที่มีขีดความสามารถในการระบายน้ำได้เพียงแห่งละ 12 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที เป็น 42 ลบ.ม.ต่อวินาที แต่เมื่อมีการเดินเครื่องจริงกลับพบว่าสามารถสูบระบายน้ำได้เพียง 36 ลบ.ม.ต่อวินาทีเท่านั้น และยังต้องสลับหยุดพักเครื่อง เครื่องละ 2 ชม.ต่อวันอีกด้วย

อย่างไรก็ดี สถานีสูบน้ำทั้ง 2 แห่งนี้ยังมีเครื่องสูบน้ำขนาด 3 คิวต่อวินาที ที่ถูกนำมาติดตั้งเพื่อช่วยในการระบายน้ำแบบชั่วคราว ตั้งแต่ปี 2554 อีก 4 เครื่อง จึงทำให้อัตราการระบายน้ำสูงสุดอยู่ที่ 54 ลบ.ม.ต่อวินาที และมีอัตราการเดินเครื่องได้สูงสุดที่ 45 ลบ.ม.ต่อวินาที จึงเชื่อว่าระบบการสูบระบายน้ำของกรมชลประทานฝั่งตะวันออกในปีนี้ จะสามารถระบายน้ำได้เร็ซกว่าปีก่อนๆ หากมีน้ำไหลล้นเข้ามาจนเต็มลำคลอง

แต่ปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำก็ยังคงมีอยู่ เนื่องจาก จ.ฉะเชิงเทรา เป็นที่สูงขอบกระทะ จึงทำให้น้ำไหลได้ช้า และไม่ทันต่ออัตราการสูบระบายออก ซึ่งหากมีการเดินเครื่องสูบน้ำพร้อมกันตลอด 24 ชม. ก็จะทำให้น้ำในคลองแสนแสบแห้งขอดลงได้ในทันที

ขณะที่ นายอนันต์ บุตรนรังษ๊ เจ้าหน้าที่ประจำสถานีสูบน้ำบางขนาก กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำการเดินเครื่องเพื่อพร่องระบายน้ำออกจากปากคลองแสนแสบ ที่สถานีสูบน้ำบางขนาก ตลอด 24 ชม. จนน้ำพร่องหมดแล้ว ทั้งนี้ ก็เพื่อรอรับน้ำจากภาคกลาง

ขณะนี้ที่สถานีสูบน้ำ มีชุดเครื่องสูบน้ำซึ่งเป็นอาคารถาวร จำนวน 2 ชุด ประกอบด้วย อาคารเครื่องสูบน้ำชุดแรก ขนาด 3 ลบ.ม.ต่อวินาที จำนวน 6 เครื่อง และในปีนี้ยังได้มีการนำชุดเครื่องสูบน้ำแบบถาวร ขนาด 6 ลบ.ม.ต่อวินาที มาติดตั้งอีก 4 เครื่องอีกด้วย