ปภ.ร้อยเอ็ดนั่งเรือล่องลำน้ำเสียว ค้นปมเหตุน้ำเอ่อท่วมนาข้าวหมื่นไร่

ร้อยเอ็ด - ปภ.นั่งเรือตากฝน ประชุมกลางลำน้ำเสียว ลุยแก้ปัญหาความขัดแย้งของชาวบ้าน 3 ตำบล 2 อำเภอทุ่งกุลาร้องไห้ ที่เดือดร้อนจากน้ำหนุนท่วมนาเกือบหมื่นไร่ ชาวบ้านต้องการให้ตัดคอสะพานระบายน้ำออก ป้องนาข้าวที่เหลืออีกนับหมื่นไร่ไม่ให้เสียหาย แต่ผลสำรวจพบเหตุคันฝายคูวังยาง กรมชลประทาน ขวางทางน้ำและวัชพืช

วันนี้ (2 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ร้อยเอ็ด ว่าแม้เหตุฝนตกติดต่อกันหลายวันจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ปริมาณน้ำใน จ.ศรีสะเกษ และจ.สุรินทร์ ส่งผลต่อระดับน้ำในลำน้ำมูลให้ที่เพิ่มสูงขึ้น จนส่งผลกระทบต่อ จ.ร้อยเอ็ด เมื่อน้ำจากลำน้ำเสียวที่ไหลลงลำน้ำมูล ระบายไม่ทัน ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านกว่า 20 หมู่บ้าน 3 ตำบล คือ ต.ดอกไม้ ต.นาใหญ่ อ.สุวรรณภูมิ และ ต.คูเมือง อ.เมืองสรวง นาข้าวเกือบ 10,000 ไร่ที่กำลังตั้งท้องจะออกรวง มีแนวโน้มเสียหาย เนื่องจากระดับน้ำยังสูงขึ้นไม่หยุด

ล่าสุด ชาวบ้านรวมตัวกันสำรวจทางน้ำแล้ว เชื่อว่าการที่น้ำไม่สามารถระบายได้ทัน เกิดจากปัญหาของวัชพืชและผักตบชวาขวางทางเดินของน้ำ และยื่นข้อเรียกร้องให้ส่วนราชการตัดคอสะพานที่บ้านโคกทับเต่า ต.ดอกไม้ เพื่อให้วัชพืชที่ขวางทางน้ำไหลออกไป เชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาได้

ด้านนายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด สั่งการให้นายพิทยา กุดหอม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัด และแกนนำชุมชนทุกหมู่บ้าน นายช่างวิศกรโยธา และกองช่าง เทศบาลตำบลดอกไม้ นั่งเรือเข้าพื้นที่ศึกษาสภาพปัญหาในลำน้ำเสียว และเดินเท้าศึกษาฝายกักน้ำลำเสียวน้อยที่ระบายลงลำเสียวใหญ่ ก่อนที่จะไหลลงลำน้ำมูล และสะพานที่ชาวบ้านคิดว่าเป็นต้นเหตุ

จากการสำรวจตลอดแนวลำน้ำพบว่า สาเหตเกิดจากคันกั้นน้ำฝายคูวังยาง ระยะทางยาว 800 เมตร ของกรมชลประทาน ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 2539 เป็นต้นเหตุ เพราะคันดินดังกล่าวสูงเกินไป แกนนนำชาวบ้านจึงเสนอให้ตัดคันกั้นน้ำออกบางส่วน เพื่อให้สามารถระบายน้ำออกได้รวดเร็วขึ้น เพราะยังนาข้าวอีกกว่าหมื่นไร่ ที่อาจจะเสียหายตามไปด้วย

ขณะที่นายพิทยาขอให้ชาวบ้านเร่งทำประชาพิจารณ์ในพื้นที่ เพื่อขอความเห็นชอบในการตัดคันดินคูวังยางที่เป็นต้นเหตุ และเสนอแผนไปยังจังหวัด ขณะที่ตนเองจะนำแนวคิดนี้เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดให้ทราบก่อน เพื่อหาทางช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป