ลำปาง - เจ้าของช้างทั่วไทย รวมตัวตั้งกลุ่ม “คชสารคู่แผ่นดิน” เดินหน้าค้านแนวทางแก้ พ.ร.บ.สงวนคุ้มครองสัตว์ป่า เปิดช่อง จนท.ยึดช้างได้เสรี-ลิดรอนสิทธิชาวช้าง ขณะที่ 17 ปางช้างเชียงใหม่ นัดหารือกัน 3 ตุลาฯ นี้ ก่อนรวมตัวเข้ากรุงเทพฯ ต่อ
น.ส.โซไรดา ซาวาลา เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนช้าง และผู้ก่อสร้างโรงพยาบาลช้างแห่งแรก ของมูลนิธิเพื่อนช้างที่ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มเจ้าของช้างจากทั่วประเทศได้รวมตัวกันและตั้งกลุ่มคชสารคู่แผ่นดินขึ้นแล้ว โดยรวบรวมชาวช้าง ที่ได้รับผลกระทบจากการออกตรวจสอบ-ยึดช้างในประเทศไทยอย่างไม่เป็นธรรม รวมถึงการนำช้างที่ชาวช้างเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีออกไปจากสถานที่เลี้ยงแล้วนำไปรวมรวบเลี้ยงไว้ในสถานที่แห่งเดียวโดยที่ไม่มีควาญช้างที่เหมาะสมกับช้างแต่ละเชือกไว้คอยดูแล จนเกิดกรณีมีช้างน้อยของกลางที่ศาลสั่งให้คืนเจ้าของ เกิดเจ็บป่วยหนัก โดยตนได้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายด้วย
น.ส.โซไรดาเปิดเผยอีกว่า หลังจากมีการตั้งกลุ่มขึ้นมาแล้ว แนวทางการดำเนินงานต่อไป คือ ชาวช้าง และช้าง จะรวมตัวกันเดินทางไปยังกรุงเทพมหานคร เพื่อเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงมาดูปัญหาของชาวช้างที่ได้รับผลกระทบ
นอกจากนี้ ชาวช้างยังจะเคลื่อนไหวคัดค้านการแก้ไข พ.ร.บ.สงวนคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการเพื่อนำไปสู่การยุติการค้างาช้าง ซึ่งได้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นไปแล้วแต่ไม่ยอมฟังเสียงชาวช้าง
น.ส.โซไรดาบอกว่า ตามเนื้อหา พ.ร.บ.สงวนคุ้มครองสัตว์ป่าฯ ที่มีการแก้ไข เป็นการลิดรอนสิทธิเจ้าของช้างลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามไม่ให้ผู้ใด มีไว้ในความครอบครองช้าง เว้นแต่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และให้เจ้าของช้างบ้านจากทั่วประเทศแจ้งการครอบครองช้างภายใน 90 วัน เพื่อขออนุญาตครอบครองช้างนับจากประกาศใช้
นอกจากนี้ การแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าวยังกำหนดไว้ว่า หากเจ้าของช้างมีการเลี้ยงช้างอย่างไม่ปลอดภัย หรือไม่เหมาะสม เจ้าหน้าที่รัฐสามารถตรวจยึดคืนเพื่อนำไปไว้ในสวนสัตว์ หรือสถานที่เหมาะสมได้อีกด้วย
“กรณีนี้ถือว่าเป็นการเปิดช่องเอื้อประโยชน์ต่อผู้ใดผู้หนึ่ง หากตรวจยึดช้างบ้านจากเจ้าของช้างที่แท้จริงไปแล้วส่งไปไว้ในที่อื่น หรือบุคคลอื่นก็จะทำให้ผู้ที่มีประโยชน์ หรือผู้มีอิทธิพลต่อกฎหมายนี้มีช้างไว้ในความครอบครองได้อย่างชอบธรรม ซึ่งถือว่าจะเป็นการรังแกชาวช้าง และทางมูลนิธิเพื่อนช้างถือว่าไม่เป็นธรรม”
โดยในวันที่ 3 ตุลาคม 2556 ที่จะถึงนี้ เจ้าของปางช้าง 17 แห่งในเชียงใหม่ ได้นัดหารือกันถึงแนวทางการคัดค้าน พ.ร.บ.สงวนคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ที่กำลังแก้ไขกันอยู่นี้ และจะได้นัดรวมตัวกันเพื่อเข้ายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
น.ส.โซไรดากล่าวอีกว่า การที่ภาครัฐ มีความมุ่งหวังที่จะออกกฎหมายเพื่อดูแลช้างนั้น มูลนิธิเพื่อนช้างเห็นด้วยอย่างมาก แต่ก็ต้องยึดหลักความเป็นจริง และฟังเสียงของผู้ที่ดูแลช้าง และผู้อนุรักษ์ช้างด้วยเพื่อให้กฎหมายออกมาดูแลช้างได้อย่างแท้จริง
น.ส.โซไรดาย้ำว่า ที่ผ่านมาทางมูลนิธิเพื่อนช้างได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลสนใจช้างไทยให้มากยิ่งขึ้น เพราะช้างเป็นสัตว์ใหญ่คู่บ้านคู่เมือง และเป็นสัตว์สำคัญของชาติ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนน้อยลงมาก จากอดีตมีมากกว่า 50,000 เชือก แต่ปัจจุบันนี้มีเพียง 5,000 เชือกเท่านั้น
โดยมูลนิธิเพื่อนช้างได้เรียกร้องให้ออก พ.ร.บ.คุ้มครองช้างโดยตรง เพื่อคุมช้างป่า ไม่ให้ถูกนำมาสวมทะเบียนเป็นช้างบ้าน หรือการนำช้างออกไปเร่ร่อน หรือการขายช้างไปยังต่างประเทศ ไม่ใช่การแก้ไข พ.ร.บ.สงวนคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ที่จะเอาช้างทั้งหมดจากช้างบ้านเข้าไปเป็นสัตว์สงวน เพราะยิ่งจะไม่เกิดความเป็นธรรมกับช้างบ้านที่มีเจ้าของอยู่
ส่วนในเรื่องการออกตรวจสอบตั๋วรูปพรรณช้างขณะนี้ ตนเห็นด้วยที่ภาครัฐให้ความสำคัญ แต่การดำเนินงานนั้นขอให้เกิดความเป็นธรรมด้วยเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทั้งต่อตัวช้าง และเจ้าของช้าง
