ประจวบคีรีขันธ์ - เลขาธิการ ป.ป.ส.พร้อมตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรปราณบุรี นำตัว “อู๊ด กุยบุรี” พ่อค้ายาบ้าที่ถูกจับกุมเมื่อวานนี้ เดินทางเข้ายึดทรัพย์สิน กินรีรีสอร์ต อำเภอปราณบุรี และบ้านพักที่อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มูลค่าทรัพย์สินกว่า 120 ล้านบาท ไว้ตรวจสอบ พร้อมระบุว่าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นจุดพักยาเสพติดก่อนลงไปภาคใต้
วันนี้ (18 ก.ย.) ที่สถานีตำรวจภูธรปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรปราณบุรี และ ป.ป.ส.ภาค 7 ได้ควบคุมตัว นายชัยรัช หรืออู๊ด หนูทอง อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105/2 หมู่ 7 ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งถูกตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด ตำรวจปราณบุรี และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เข้าล่อซื้อยาบ้าจาก นายชัยรัช ที่ห้างเทสโก้ โลตัส สาขาปราณบุรี จำนวน 6,000 เม็ด พร้อมรถยนต์ยี่ห้อนิสสันนาวารา สีขาว หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ก 0684 ประจวบคีรีขันธ์ และนำตัวไปค้นพบยาบ้าในกินรีรีสอร์ต ปราณบุรี ของนายชัยรัช อีก 1,000 เม็ด
เบื้องต้น เลขาธิการ ป.ป.ส.ได้นำตัวผู้ต้องหาไปที่กินรีรีสอร์ต เลขที่ 205 หมู่ 7 ต.วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ของผู้ต้องหารายนี้ และทำการติดป้ายประกาศยึดรีอสร์ต และปิดให้บริการรีสอร์ตตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปไว้ตรวจสอบ โดยทรัพย์สินทั้งรถยนต์ พร้อมรีสอร์ต และบ้านพักที่อำเภอกุยบุรี สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร และโฉนดที่ดินอีกหลายแปลง รวมมูลค่าทรัพย์สินครั้งนี้มากกว่า 120 ล้านบาท ซึ่งสันนิษฐานว่า ได้มาจากการค้ายาเสพติด
สำหรับการตรวจสอบบ้านพักเลขที่ 105/2 หมู่ 7 ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ บ้านหลังดังกล่าวทั้งที่ดิน และบ้านพักมีมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ส่วนตู้เซฟ 2 ใบในบ้านพักไม่พบอะไร โดยบ้านหลังดังกล่าวให้ทาง ตร.ประจวบฯ เป็นผู้ดูแล
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส.ระบุว่า ผู้ต้องหารายนี้เป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดในเรือนจำ เพราะผู้ต้องหาเคยต้องโทษอยู่ในเรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาก่อน และรู้จักกับนายอรชุน อุดมศิลป์ อดีตผู้ต้องหาคดียาเสพติดเรือนจำ เบื้องต้น นายชัยรัช ผู้ต้องหายอมรับว่าได้สั่งซื้อยาเสพติดมาจากจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาร์ ในราคาเม็ดละ 65 บาท มาส่งขายให้แก่ผู้จำหน่ายครั้งละ 100 เม็ดขึ้นไป ในราคาเม็ดละ 200 บาท ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยจะโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร สำหรับผู้ต้องหารายนี้มีการเปลี่ยนชื่อนามสกุลมาเกือบ 10 ครั้งแล้ว
นายชัยรัช ยอมรับต่อเลขาธิการ ป.ป.ส.ว่า ได้ติดต่อกับ นายอรชุน อุดมศิลป์ อดีตผู้ต้องหาคดียาเสพติดเรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างที่ นายชัยรัช ต้องโทษคดีปลอมแปลงเอกสาร เมื่อพ้นโทษออกมา จึงร่วมกันลงทุนทำธุรกิจรีสอร์ต
โดยข้อมูลของตำรวจปราบปรามยาเสพติด พบว่า ขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มนี้เป็นเครือข่ายใหญ่และเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติดทางภาคเหนือ ซึ่งจากการติดตามพฤติกรรมยังพบว่าเครือข่ายนี้มีทรัพย์สินจำนวนมาก และยังมีพฤติกรรมการฟอกเงิน
ทั้งนี้ ทางตำรวจปราบปรามยาเสพติด และตำรวจภูธรปราณบุรี ยังจับกุมผู้ต้อหาได้อีก 1 รายซึ่งมาพักที่รีสอร์ต และมีการสั่งซื้อยาบ้าจากที่รีอสร์ตแห่งนี้ด้วย ครั้งละ 10 เม็ด จนกระทั่งมาถูกจับครั้งนี้
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าวอีกว่า ตนมีความเป็นห่วงว่าการเปิดรีสอร์ตบังหน้าเพื่อขายยาเสพติดเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการแพร่ระบาดยาเสพติดของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบเป็นจุดพักยาเสพติดก่อนลงภาคใต้ ส่วนการแพร่ระบาดพบในชุมชน โดยทางตำรวจปราบปรามยาเสพติดจะได้ขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มนี้ต่อไป
