ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ร้องซ้ำผู้ว่าฯ ขอนแก่นเร่งตรวจสอบถอดถอนนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองเมืองพล และสั่งยุบสภาเลือกตั้งใหม่ พร้อมทั้งเอาผิดทั้งอาญา-วินัย หลังพบมูลส่อทุจริตประพฤติมิชอบใช้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้องกรณีสร้างอาคารพาณิชย์ในพื้นที่โรงเรียนเทศบาลพลประชานุกุลเมื่อปี 50
เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. วันนี้ (16 ก.ย.) ที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายวัชระ เกียรติชัยพัฒน์ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองพล พร้อมชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองพล อ.พล จ.ขอนแก่น จำนวนหนึ่งได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กรณีนายสุวัฒน์ อังสนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองเมืองพลทุจริตประพฤติมิชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยขอให้ดำเนินการถอดถอนนายสุวัฒน์ออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองพล และดำเนินการเอาผิดทางวินัยพนักงานเทศบาลที่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ต่อมานายกำธร วิเชฏฐพงศ์ ป้องกันจังหวัดขอนแก่น ได้ออกมารับหนังสือร้องเรียนแทน เนื่องจากนายสมศักดิ์ติดประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ หลังรับหนังสือนายกำธรรับปากจะมอบหนังสือให้ทางผู้ว่าฯ ไปดำเนินการตามขั้นตอนราชการ คาดว่าน่าจะใช้เวลาราว 1 เดือนจะทราบผลการพิจารณาข้อร้องเรียนดังกล่าว
ในหนังสือร้องเรียน นายวัชระระบุว่า นายสุวัฒน์และพวกพ้อง ทั้งที่เป็นคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล พนักงานเทศบาล รวมถึงบุคคลบางกลุ่มมีพฤติการณ์ร่วมกันทุจริตประพฤติมิชอบ โดยการฉ้อฉลอาศัยตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายให้แก่ตนเองและพวกพ้องในการดำเนินการก่อสร้างอาคารพาณิชย์จำนวน 45 คูหาในพื้นที่โรงเรียนเทศบาลพลประชานุกุลเมื่อปี 2550 ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะที่สงวนไว้ใช้เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาเท่านั้น ต้องห้ามใช้เพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ตามผังเมืองรวมเมืองพล
แต่กลุ่มของนายสุวัฒน์ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในเรื่องผังเมืองรู้ช่องว่างของกฎหมายผังเมืองในเรื่องของกำหนดเวลาสิ้นสภาพบังคับของกฎหมาย ฉบับที่ 395 (พ.ศ. 2541) ผังเมืองรวมเมืองพล สิ้นผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 48 เป็นช่วงเวลาที่ยังไม่ได้จัดทำผังเมืองรวมฉบับใหม่ให้บังคับใช้ต่อเนื่องกัน
โดยนายสุวัฒน์ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ล่วงละเมิดบทบัญญัติของกฎหมาย ด้วยการเร่งรัดอนุญาตให้บุคคลภายนอกที่พวกตนจัดตั้ง อำพรางขึ้นภายใต้ชื่อ หจก.จี.เอ็ม.วิศวกรรม ที่มีนายกิตติโชติ เตรียมเวชวุฒิไกร รองนายกเทศมนตรีเมืองพลเป็นนายทุนและผู้ดำเนินงานก่อสร้างอาคารดังกล่าว แต่แอบอ้างชื่อนายสงวน ลีลาลาวัณย์ และนางสาวยุพิน พวงนิล ซึ่งเป็นเพื่อนของนายกิตติโชติเป็นหุ้นส่วน ลงหุ้นด้วยเงินเพียง 3 แสนบาทด้วยการจดทะเบียน หจก.ในวันที่ 1 มิ.ย. 50 ก่อนหน้าที่จะทำสัญญาเพียง 2 เดือนเศษ
หลังจากนั้นสภาเทศบาลเมืองเมืองพลได้มีมติว่าจ้าง หจก.จี.เอ็ม.วิศวกรรม เป็นผู้ก่อสร้างโดยไม่มีการเปิดประมูลตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย
อย่างไรก็ตาม ต่อมาได้มีชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองเมืองพลได้ฟ้องเป็นคดีปกครองให้เพิกถอนการอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชย์ในพื้นที่โรงเรียน ศาลปกครองได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับและให้ระงับการก่อสร้างไว้ชั่วคราว ศาลปกครองขอนแก่นและศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาระบุว่า การที่นายสุวัฒน์อนุญาตให้ หจก.จี.เอ็ม.วิศวกรรมก่อสร้างอาคารพาณิชย์ดังกล่าวเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ คำสั่งของนายสุวัฒน์ตามใบอนุญาตนั้นเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จึงสั่งให้เทศบาลฯ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดและจัดทำรั้วโรงเรียนให้มีสภาพเดิมตามคำพิพากษาศาลปกครองขอนแก่นและศาลปกครองสูงสุด
นายวัชระระบุอีกว่า จังหวัดขอนแก่นในฐานะผู้ควบคุมกำกับดูแลการบริหารราชการของเทศบาลเมืองเมืองพลตาม พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2596 ได้รับรายงานข้อพิพาทในเรื่องนี้และดำเนินการหาผู้รับผิดทางละเมิดในความเสียหายดังกล่าวที่เกิดขึ้น และได้มีคำสั่งทางปกครองให้นายสุวัฒน์รับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในอัตราร้อยละ 60 ของความเสียหาย 717,000 บาท คิดเป็นเงิน 430,200 บาท และนายอัศนีย์ ประทุมวงศ์ ปลัดเทศบาล (ขณะนั้น) รับผิดชอบค่าสินไหมทดแทนในอัตราร้อยละ 10 ของความเสียหาย คิดเป็นเงิน 71,700 บาท
นั่นย่อมเล็งให้เห็นว่า ควรที่จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ให้แน่ชัด และหากมีมูลควรเอาผิดทั้งทางอาญาและทางวินัยต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่อไป
นายวัชระเปิดเผยต่อว่า ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น ตนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อหน่วยงานต่างๆ ทั้ง สภ.พล, ป.ป.ช., ผู้ตรวจการแผ่นดินไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ร้องเรียนต่อจังหวัดขอนแก่นเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 55 และปลัดกระทรวงมหาดไทยผ่านศูนย์ดำรงธรรม เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และทำการถอดถอนนายสุวัฒน์กับพวกออกจากตำแหน่งทางการเมืองในเทศบาลเมืองเมืองพล และเอาผิดทางวินัยต่อข้าราชการประจำที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
แต่ปรากฏว่าจังหวัดขอนแก่นแจ้งกลับว่าประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ได้มีการฟ้องร้องคดีต่อศาลปกครอง ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาคดีแล้ว และเทศบาลเมืองเมืองพลได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาโดยครบถ้วน ถือว่าเป็นการใช้ดุลพินิจพิจารณาโดยมิชอบ ไม่มีการรับฟังพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ไม่ครอบคลุมทุกประเด็นตามที่ร้องเรียน ไม่แสวงหาข้อเท็จจริงตรวจสอบตามประเด็นที่กล่าวหาอย่างละเอียดใดๆ
นายวัชระกล่าวว่า ในฐานะเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนชาวเมืองพล ขอเรียกร้องให้ความเป็นธรรมต่อชาวเมืองพล โดยจังหวัดขอนแก่นและศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทยต้องเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามประเด็นข้อร้องเรียนต่างๆอย่างละเอียด หากพบการกระทำความผิดตามระเบียบกฎหมายต้องทำการถอดถอนนายสุวัฒน์ออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีและยุบสภาเทศบาลเมืองเมืองพล รวมถึงเอาผิดทางวินัยพนักงานเทศบาลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
“หลังจากยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นในวันนี้แล้ว ผมจะเข้าไปร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ร้องทุกข์ต่อ ป.ป.ช. และสำนักผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้สืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำผิดมาลงโทษทั้งทางอาญาและวินัยให้ได้ ไม่เช่นนั้นตัวนายสุวัฒน์ และพรรคพวกก็จะลุแก่อำนาจเช่นนี้ต่อไปไม่สิ้นสุด” นายวัชระกล่าว
สำหรับนายสุวัฒน์ อังสนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองพลที่ถูกร้องเรียนครั้งนี้ เป็นนายกเทศมนตรีเมืองพลติดต่อกันมาแล้ว 5 สมัย ระหว่างที่บริหารงานเทศบาลฯ มักได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในเขตเทศบาลฯในประเด็นปัญหาต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบริหารงานที่ส่อไปในทางไม่โปร่งใส
เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. วันนี้ (16 ก.ย.) ที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายวัชระ เกียรติชัยพัฒน์ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองพล พร้อมชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองพล อ.พล จ.ขอนแก่น จำนวนหนึ่งได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กรณีนายสุวัฒน์ อังสนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองเมืองพลทุจริตประพฤติมิชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยขอให้ดำเนินการถอดถอนนายสุวัฒน์ออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองพล และดำเนินการเอาผิดทางวินัยพนักงานเทศบาลที่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ต่อมานายกำธร วิเชฏฐพงศ์ ป้องกันจังหวัดขอนแก่น ได้ออกมารับหนังสือร้องเรียนแทน เนื่องจากนายสมศักดิ์ติดประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ หลังรับหนังสือนายกำธรรับปากจะมอบหนังสือให้ทางผู้ว่าฯ ไปดำเนินการตามขั้นตอนราชการ คาดว่าน่าจะใช้เวลาราว 1 เดือนจะทราบผลการพิจารณาข้อร้องเรียนดังกล่าว
ในหนังสือร้องเรียน นายวัชระระบุว่า นายสุวัฒน์และพวกพ้อง ทั้งที่เป็นคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล พนักงานเทศบาล รวมถึงบุคคลบางกลุ่มมีพฤติการณ์ร่วมกันทุจริตประพฤติมิชอบ โดยการฉ้อฉลอาศัยตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายให้แก่ตนเองและพวกพ้องในการดำเนินการก่อสร้างอาคารพาณิชย์จำนวน 45 คูหาในพื้นที่โรงเรียนเทศบาลพลประชานุกุลเมื่อปี 2550 ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะที่สงวนไว้ใช้เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาเท่านั้น ต้องห้ามใช้เพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ตามผังเมืองรวมเมืองพล
แต่กลุ่มของนายสุวัฒน์ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในเรื่องผังเมืองรู้ช่องว่างของกฎหมายผังเมืองในเรื่องของกำหนดเวลาสิ้นสภาพบังคับของกฎหมาย ฉบับที่ 395 (พ.ศ. 2541) ผังเมืองรวมเมืองพล สิ้นผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 48 เป็นช่วงเวลาที่ยังไม่ได้จัดทำผังเมืองรวมฉบับใหม่ให้บังคับใช้ต่อเนื่องกัน
โดยนายสุวัฒน์ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ล่วงละเมิดบทบัญญัติของกฎหมาย ด้วยการเร่งรัดอนุญาตให้บุคคลภายนอกที่พวกตนจัดตั้ง อำพรางขึ้นภายใต้ชื่อ หจก.จี.เอ็ม.วิศวกรรม ที่มีนายกิตติโชติ เตรียมเวชวุฒิไกร รองนายกเทศมนตรีเมืองพลเป็นนายทุนและผู้ดำเนินงานก่อสร้างอาคารดังกล่าว แต่แอบอ้างชื่อนายสงวน ลีลาลาวัณย์ และนางสาวยุพิน พวงนิล ซึ่งเป็นเพื่อนของนายกิตติโชติเป็นหุ้นส่วน ลงหุ้นด้วยเงินเพียง 3 แสนบาทด้วยการจดทะเบียน หจก.ในวันที่ 1 มิ.ย. 50 ก่อนหน้าที่จะทำสัญญาเพียง 2 เดือนเศษ
หลังจากนั้นสภาเทศบาลเมืองเมืองพลได้มีมติว่าจ้าง หจก.จี.เอ็ม.วิศวกรรม เป็นผู้ก่อสร้างโดยไม่มีการเปิดประมูลตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย
อย่างไรก็ตาม ต่อมาได้มีชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองเมืองพลได้ฟ้องเป็นคดีปกครองให้เพิกถอนการอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชย์ในพื้นที่โรงเรียน ศาลปกครองได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับและให้ระงับการก่อสร้างไว้ชั่วคราว ศาลปกครองขอนแก่นและศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาระบุว่า การที่นายสุวัฒน์อนุญาตให้ หจก.จี.เอ็ม.วิศวกรรมก่อสร้างอาคารพาณิชย์ดังกล่าวเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ คำสั่งของนายสุวัฒน์ตามใบอนุญาตนั้นเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จึงสั่งให้เทศบาลฯ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดและจัดทำรั้วโรงเรียนให้มีสภาพเดิมตามคำพิพากษาศาลปกครองขอนแก่นและศาลปกครองสูงสุด
นายวัชระระบุอีกว่า จังหวัดขอนแก่นในฐานะผู้ควบคุมกำกับดูแลการบริหารราชการของเทศบาลเมืองเมืองพลตาม พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2596 ได้รับรายงานข้อพิพาทในเรื่องนี้และดำเนินการหาผู้รับผิดทางละเมิดในความเสียหายดังกล่าวที่เกิดขึ้น และได้มีคำสั่งทางปกครองให้นายสุวัฒน์รับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในอัตราร้อยละ 60 ของความเสียหาย 717,000 บาท คิดเป็นเงิน 430,200 บาท และนายอัศนีย์ ประทุมวงศ์ ปลัดเทศบาล (ขณะนั้น) รับผิดชอบค่าสินไหมทดแทนในอัตราร้อยละ 10 ของความเสียหาย คิดเป็นเงิน 71,700 บาท
นั่นย่อมเล็งให้เห็นว่า ควรที่จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ให้แน่ชัด และหากมีมูลควรเอาผิดทั้งทางอาญาและทางวินัยต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่อไป
นายวัชระเปิดเผยต่อว่า ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น ตนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อหน่วยงานต่างๆ ทั้ง สภ.พล, ป.ป.ช., ผู้ตรวจการแผ่นดินไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ร้องเรียนต่อจังหวัดขอนแก่นเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 55 และปลัดกระทรวงมหาดไทยผ่านศูนย์ดำรงธรรม เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และทำการถอดถอนนายสุวัฒน์กับพวกออกจากตำแหน่งทางการเมืองในเทศบาลเมืองเมืองพล และเอาผิดทางวินัยต่อข้าราชการประจำที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
แต่ปรากฏว่าจังหวัดขอนแก่นแจ้งกลับว่าประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ได้มีการฟ้องร้องคดีต่อศาลปกครอง ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาคดีแล้ว และเทศบาลเมืองเมืองพลได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาโดยครบถ้วน ถือว่าเป็นการใช้ดุลพินิจพิจารณาโดยมิชอบ ไม่มีการรับฟังพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ไม่ครอบคลุมทุกประเด็นตามที่ร้องเรียน ไม่แสวงหาข้อเท็จจริงตรวจสอบตามประเด็นที่กล่าวหาอย่างละเอียดใดๆ
นายวัชระกล่าวว่า ในฐานะเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนชาวเมืองพล ขอเรียกร้องให้ความเป็นธรรมต่อชาวเมืองพล โดยจังหวัดขอนแก่นและศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทยต้องเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามประเด็นข้อร้องเรียนต่างๆอย่างละเอียด หากพบการกระทำความผิดตามระเบียบกฎหมายต้องทำการถอดถอนนายสุวัฒน์ออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีและยุบสภาเทศบาลเมืองเมืองพล รวมถึงเอาผิดทางวินัยพนักงานเทศบาลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
“หลังจากยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นในวันนี้แล้ว ผมจะเข้าไปร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ร้องทุกข์ต่อ ป.ป.ช. และสำนักผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้สืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำผิดมาลงโทษทั้งทางอาญาและวินัยให้ได้ ไม่เช่นนั้นตัวนายสุวัฒน์ และพรรคพวกก็จะลุแก่อำนาจเช่นนี้ต่อไปไม่สิ้นสุด” นายวัชระกล่าว
สำหรับนายสุวัฒน์ อังสนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองพลที่ถูกร้องเรียนครั้งนี้ เป็นนายกเทศมนตรีเมืองพลติดต่อกันมาแล้ว 5 สมัย ระหว่างที่บริหารงานเทศบาลฯ มักได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในเขตเทศบาลฯในประเด็นปัญหาต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบริหารงานที่ส่อไปในทางไม่โปร่งใส